ฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นเทคนิคการเติมเต็มบริเวณช่วงกลางแก้ม เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ มีมิติ และช่วยปรับสมดุลโครงหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ แก้มแบน หรือใบหน้าดูโทรม ฟิลเลอร์สามารถช่วยคืนความอิ่มฟู ให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องศัลยกรรม แต่การฉีดต้องอาศัยเทคนิคที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย ในบทความนี้ เราจะอธิบายข้อดี ข้อเสีย ความปลอดภัย และการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจครับ
ฟิลเลอร์แก้มส้ม คืออะไร ?
ฟิลเลอร์แก้มส้ม คือการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปบริเวณช่วงกลางแก้ม หรือจุดที่เรียกว่า Apple Cheeks เพื่อเสริมให้แก้มมีวอลลุ่ม ดูอวบอิ่ม และเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น โดยเทคนิคนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่มีปัญหา แก้มตอบ แก้มแบน หรือใบหน้าดูโทรมจากอายุที่เพิ่มขึ้น ฟิลเลอร์แก้มส้มช่วยเสริมแก้มที่แบนให้ดูอวบอิ่มขึ้นได้ เป็นหัตถการด้านความงามที่ไม่ยุ่งยาก หากฉีดในจุดที่เหมาะสม จะช่วยเสริมแก้มส้ม ยกกระชับผิว ให้ใบหน้าโดยรวมดูละมุน ดูมีมิติมากขึ้น และอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ หลังฉีดให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนทันที การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มไม่เพียงช่วยเติมเต็มใบหน้าให้ดูสดใส แต่ยังช่วยลดร่องน้ำหมาก ปรับสมดุลโครงหน้า และทำให้รอยยิ้มดูมีเสน่ห์ขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
ฟิลเลอร์แก้มส้ม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปหน้า ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้แก้มบริเวณกลางใบหน้า (Apple Cheeks) ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา แก้มตอบ แก้มแบน หรือใบหน้าดูโทรมจากอายุที่เพิ่มขึ้น
- เพิ่มมิติให้ใบหน้าและทำให้ดูเด็กลง การเติมฟิลเลอร์แก้มส้มช่วยปรับให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ทำให้หน้าแก้มดูเต็มขึ้น ใบหน้าดูเด็กลง และให้ความสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย ฟิลเลอร์แก้มส้มไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วย ยกกระชับโครงหน้า ลดปัญหา ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก และช่วงแก้มหย่อนคล้อย ซึ่งเป็นสัญญาณของวัยที่เพิ่มขึ้น
- ปรับสมดุลใบหน้าให้ดูละมุนขึ้น สำหรับผู้ที่มีโหนกแก้มเด่นหรือโครงหน้าดูแข็ง การเติมฟิลเลอร์บริเวณแก้มส้มสามารถช่วย ลดความแข็งของโครงหน้า และทำให้ใบหน้าดูสมส่วน มีความสมดุลระหว่างช่วงแก้มและคางมากขึ้น
- ช่วยเติมเต็มร่องใต้ตาลึกและร่องหน้าแก้ม ฟิลเลอร์แก้มส้มยังช่วยให้ ร่องใต้ตาและร่องหน้าแก้มที่ลึกดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส ไม่โทรม และลดความหมองคล้ำรอบดวงตา
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม คือการฉีดที่บริเวณใดบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเป็น เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์บริเวณกึ่งกลางใบหน้า หรือที่เรียกว่า Midface Filler ซึ่งเน้นการเติมเต็มพวงแก้มให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับโครงหน้า โดยทั่วไป จุดที่นิยมฉีดจะอยู่ในบริเวณ ส่วนบนของแก้ม (Upper Cheek) เพื่อให้หน้าดูมีมิติและอิ่มฟูขึ้น
จุดฉีดหลักของฟิลเลอร์แก้มส้ม
- จุดกลางของพวงแก้ม (Apple Cheeks) เป็นตำแหน่งสำคัญที่ช่วยให้แก้มดูอิ่ม เติมเต็มโครงสร้างที่ยุบตัว ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
- จุดใต้ตาและร่องน้ำตา (Tear Trough Area) ช่วยลดความลึกของใต้ตา ทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น
- บริเวณร่องแก้ม (Nasolabial Fold Area) ช่วยลดร่องลึกข้างจมูกที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
- บริเวณช่วงข้างแก้มและแนวกระดูกโหนกแก้ม (Lateral Cheek) ปรับสมดุลโครงหน้า ลดความแข็งของโหนกแก้ม ให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น
- บริเวณร่องน้ำหมาก (Marionette Lines) ลดรอยพับที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกและไขมัน ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเป็น หัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาการยุบตัวของกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน ที่เป็นสาเหตุให้ ผิวหย่อนคล้อย ร่องใต้ตาลึก และร่องน้ำหมากเด่นชัดขึ้น ซึ่งมักเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น เทคนิคนี้ช่วยปรับโครงหน้าให้ดูสมดุลขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นการเติมเต็ม บริเวณกึ่งกลางของใบหน้า หรือพวงแก้ม (Midface Filler) เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุลมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มโครงสร้างใบหน้าและลดเลือนริ้วรอยจากอายุที่เพิ่มขึ้น
กลุ่มคนที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
- ผู้ที่มีแก้มแบน ไร้มิติ ฟิลเลอร์ช่วยให้แก้มดูอิ่มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูละมุนและเด็กลง
- ผู้ที่มีร่องแก้มลึก ร่องใต้ตาชัด เติมเต็มโครงสร้างที่ยุบตัว ลดความลึกของร่องใต้ตาและร่องแก้ม
- ผู้ที่แก้มหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น ฟิลเลอร์ช่วยยกกระชับและคืนวอลลุ่มให้กับผิว
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสดใสขึ้น แก้มส้มที่ได้สัดส่วนช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและมีพลังมากขึ้น
- ผู้ที่มีร่องน้ำหมากเด่นชัด ฟิลเลอร์สามารถช่วยลดริ้วรอยร่องน้ำหมาก ทำให้ใบหน้าดูสดชื่นและอ่อนวัย
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มช่วยแก้ปัญหาการ ยุบตัวของกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน ซึ่งส่งผลให้ ผิวหย่อนคล้อย ร่องใต้ตาลึก และร่องน้ำหมากเด่นชัดขึ้น เป็นหัตถการที่ช่วยปรับสมดุลโครงหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ
ข้อดี-ข้อเสีย ในการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มมีอะไรบ้าง ?
ฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมดุลขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหา แก้มแบน แก้มตอบ หรือใบหน้าขาดมิติ อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
- ช่วยเติมเต็มและปรับรูปหน้า ทำให้ใบหน้าดูอิ่มขึ้น ได้สัดส่วนที่สมดุล และช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ลดริ้วรอยและช่วยยกกระชับ ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องแก้ม ร่องใต้ตา และช่วยลดความหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าช่วงกลาง
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เป็นวิธีที่ไม่ต้องมีการกรีดผิวหรือการพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- เห็นผลทันทีหลังทำ และดูเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น โดยให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังฉีด
- สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ แพทย์สามารถออกแบบและปรับแต่งฟิลเลอร์ให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละบุคคล
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
- ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากฉีดผิดชั้นหรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลหรือเกิดก้อนใต้ผิว
- ฟิลเลอร์มีอายุจำกัด โดยทั่วไปฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน จากนั้นจะค่อย ๆ สลายไปเอง
- อาจเกิดอาการบวมและรอยช้ำเล็กน้อย อาการเหล่านี้พบได้ชั่วคราวและจะหายไปภายใน 3-7 วัน
- มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหากใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฉีดผิดตำแหน่ง การฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดภาวะฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดหรือเป็นก้อนไม่สม่ำเสมอ
ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์หน้าแก้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ต่างกันยังไง ฉีดพร้อมกันได้ไหม ?
การฉีด ฟิลเลอร์บริเวณแก้ม สามารถแบ่งออกเป็น 3 บริเวณหลัก ซึ่งแต่ละจุดมีเป้าหมายและการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นการฉีดที่บริเวณ กลางใบหน้าหรือพวงแก้ม (Midface Filler) เพื่อเติมเต็มแก้มที่แบนหรือยุบตัว ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง เสริมความมีมิติ และช่วยให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น
- ฟิลเลอร์หน้าแก้ม ฉีดบริเวณ เหนือร่องแก้ม เพื่อช่วยลดความเด่นชัดของร่องแก้ม ลดเงาบริเวณนี้ และช่วยให้ใบหน้าดูสดใสมากขึ้น
- ฟิลเลอร์แก้มตอบ เป็นการฉีดเพื่อ เติมเต็มบริเวณแก้มที่ยุบหรือมีลักษณะตอบ ซึ่งเกิดจากการสูญเสียไขมันหรือโครงสร้างกระดูก ทำให้ใบหน้าดูโทรมและแข็งเกินไป
สามารถฉีดพร้อมกันได้ไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดสามารถ ทำพร้อมกันได้ โดยแพทย์จะประเมินโครงหน้าและออกแบบให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ การฉีดฟิลเลอร์ทั้ง 3 บริเวณสามารถเสริมกันและช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้น เช่น การเติมฟิลเลอร์แก้มส้มช่วยยกโครงสร้างใบหน้า ฟิลเลอร์หน้าแก้มช่วยลดร่องแก้ม และฟิลเลอร์แก้มตอบช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น ดังนั้น การเลือกฉีดจุดใดจุดหนึ่งหรือฉีดพร้อมกัน ควรได้รับการประเมินจากแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูสวยงามและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลครับ
ฟิลเลอร์แก้มส้ม ต้องเลือกใช้ยี่ห้อไหนถึงได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ?
การเลือก ฟิลเลอร์แก้มส้ม ควรพิจารณาจาก คุณสมบัติของเนื้อฟิลเลอร์ ที่ต้องมีความหนืดและคงตัวดี เพื่อช่วย เติมเต็มแก้มที่แบนหรือยุบตัวให้ดูมีมิติ พร้อมทั้งช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูละมุนเป็นธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดบริเวณแก้มส้มมีดังนี้
- ฟิลเลอร์สัญชาติ USA มีเทคโนโลยี Vycross™ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและพยุงโครงสร้างผิวได้ดี เหมาะสำหรับเติมเต็มบริเวณแก้มและช่วยยกกระชับให้ใบหน้าดูเด็กลง
- ฟิลเลอร์สัญชาติ Sweden มีเนื้อฟิลเลอร์ที่แน่นและแข็งแรง ทำให้ช่วยยกพยุงใบหน้าได้ดี ไม่ไหลย้อย และให้ผลลัพธ์ที่คงตัว
- ฟิลเลอร์สัญชาติ Germany ฟิลเลอร์ที่มีเทคโนโลยี CPM™ ช่วยกระจายตัวได้ดี ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและเรียบเนียน
- ฟิลเลอร์สัญชาติ Korea เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง สามารถเติมเต็มและช่วยยกกระชับได้ดี เหมาะกับผู้ที่มีแก้มที่ยุบตัวมาก
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มควรฉีดกี่ CC
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด แก้มส้ม ขึ้นอยู่กับ โครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล และ ระดับของปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยทั่วไป แพทย์จะประเมินปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน หรือแข็งเกินไป
- 2-4 CC – สำหรับผู้ที่มีแก้มส้มยุบตัวเล็กน้อย ต้องการปรับมิติให้ดูละมุนขึ้
- 4-6 CC – สำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มแบน โครงหน้าแบน หรือเริ่มมีร่องใต้ตาชัดขึ้น
- 6-8 CC – สำหรับผู้ที่มีการยุบตัวของแก้มจากอายุที่เพิ่มขึ้น และต้องการเติมเต็มให้ดูเด็กลง
การเลือก ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม จะช่วยให้ใบหน้าดู สดใส อ่อนเยาว์ และ ยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ควร ให้แพทย์ประเมินก่อนฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับโครงหน้าครับ
ฟิลเลอร์แก้มส้ม อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ฟิลเลอร์แก้มส้มสามารถอยู่ได้นาน 8-18 เดือน ขึ้นอยู่กับ ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ และ การดูแลหลังฉีด ฟิลเลอร์ที่มี ความหนืดสูงและโมเลกุลขนาดใหญ่ มักให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า เนื่องจากสามารถพยุงโครงสร้างแก้มได้ดี
นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ก็มีผลต่ออายุของฟิลเลอร์ เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการสัมผัสความร้อนสูง จะช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวและอยู่ได้นานขึ้น หากต้องการ รักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ สามารถเติมฟิลเลอร์ซ้ำได้ทุก 12 เดือน เพื่อให้แก้มส้มดูเต็มอิ่มและยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติครับ
ฟิลเลอร์แก้มส้ม อันตรายไหม ?
การฉีด ฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากใช้ฟิลเลอร์แท้และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจาก Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่ได้รับการรับรองจาก อย. สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และหากเกิดปัญหาสามารถฉีดสลายได้ด้วย Hyaluronidase
อย่างไรก็ตาม หากฉีดโดยแพทย์ที่ ขาดประสบการณ์ หรือ ใช้ฟิลเลอร์ปลอม อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น
- ฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือไหลผิดตำแหน่ง จากการเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม
- การอุดตันเส้นเลือด (Vascular Occlusion) ซึ่งเป็นภาวะรุนแรงที่อาจทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดและเกิดเนื้อตาย
- การติดเชื้อและอักเสบ หากฉีดในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดหรือไม่ได้ใช้เทคนิคที่ปลอดภัย
ดังนั้น ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติครับ
ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นหัตถการที่ช่วยเติมเต็มพวงแก้มให้ดูอวบอิ่ม ยกกระชับ และทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีด และ ดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังทำ เพื่อลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียงและยืดอายุของฟิลเลอร์
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
- งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, วิตามินอี, น้ำมันปลา และโสม อย่างน้อย 3-7 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง ก่อนฉีด เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัวและเพิ่มโอกาสเกิดอาการบวมช้ำ
- พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยให้ฟิลเลอร์เข้ากับเนื้อเยื่อได้ดีขึ้น
- งดออกกำลังกายหนัก และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมากเกินไป เช่น ซาวน่า หรือโยคะร้อน อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- แจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบ หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือแพ้ยาใดๆ ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีด
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
- หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 3-7 วัน เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- งดออกกำลังกายหนัก ซาวน่า และอบไอน้ำ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมและป้องกันฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่ง
- ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำและอยู่ได้นานขึ้น
- งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมและส่งผลต่อการติดตั้งของฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ ในช่วง 3-7 วันแรก เพื่อป้องกันแรงกดทับบริเวณแก้มส้มที่ฉีดฟิลเลอร์
- งดทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า เช่น เลเซอร์ RF ไฮฟู หรือทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังฉีด เพื่อป้องกันการสลายของฟิลเลอร์
- หากมีอาการบวมแดงหรือฟกช้ำเล็กน้อย สามารถประคบเย็นเบาๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อบรรเทาอาการ
- สังเกตอาการผิดปกติ หากพบอาการปวด บวมผิดปกติ หรือมีผิวซีดลงในบริเวณที่ฉีด ควรรีบพบแพทย์ทันที
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ ครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นหัตถการที่ช่วยเติมเต็มพวงแก้มให้ดูอิ่มฟูและยกกระชับใบหน้า อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป และ ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป (Temporary Side Effects)
- อาการบวมแดงและรอยช้ำเล็กน้อย มักเกิดขึ้นภายใน 24-72 ชั่วโมงแรกจากการฉีดฟิลเลอร์ และจะค่อยๆ หายไปเอง
- ความรู้สึกตึงบริเวณแก้ม เนื่องจากฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มโครงสร้างผิว อาการนี้มักลดลงภายใน 3-7 วัน
- อาการคันหรือระคายเคืองเล็กน้อย อาจเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารฟิลเลอร์ ซึ่งจะหายไปเอง
ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง (Severe Side Effects)
- ฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือจับตัวผิดปกติ อาจเกิดจากการฉีดผิดชั้นผิว หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นที่เหมาะสม
- ฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่ง หากฉีดฟิลเลอร์ที่มีความหนืดต่ำ หรือได้รับแรงกดทับหลังทำ อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
- เส้นเลือดอุดตัน (Vascular Occlusion) เกิดขึ้นได้หากฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันหลอดเลือด อาจทำให้ผิวซีดขาวหรือเกิดภาวะเนื้อตาย ควรรีบพบแพทย์ทันที
วิธีลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์
- ใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.
- ปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนและหลังฉีดอย่างเคร่งครัด
แม้ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายไปเอง แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมากผิดปกติ ผิวซีดลง หรือมองเห็นผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันทีครับ
ฉีดแก้มส้มนอนตะแคงได้ไหม ?
หลังการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ไม่ควรนอนตะแคงทันที โดยเฉพาะในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เนื่องจากแรงกดทับจากหมอนหรือท่านอนอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง หรือเกิดการกระจายตัวที่ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่สมมาตร แพทย์แนะนำให้ นอนหงาย โดยใช้หมอนรองศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวเข้ากับเนื้อเยื่อได้อย่างเหมาะสม หลังจากผ่านไป 3-7 วัน ฟิลเลอร์จะเริ่มคงรูป สามารถกลับมานอนตะแคงได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้าหนักๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานครับ
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มที่ TBL Clinic ดีอย่างไร ?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นหัตถการที่ต้องอาศัย ความแม่นยำและความเชี่ยวชาญของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย ที่ TBL Clinic เราให้ความสำคัญกับ มาตรฐานทางการแพทย์และเทคนิคเฉพาะบุคคล ทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์โดยเฉพาะ มีประสบการณ์สูง วิเคราะห์โครงหน้าก่อนทำ และใช้เทคนิคฉีดที่แม่นยำ
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ 100% ผ่านการรับรองจาก TH-FDA, US-FDA และ CE เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ปรับโครงหน้าให้สมดุลโดยไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือผิดรูป
- การติดตามผลหลังทำ มีการนัดตรวจประเมิน พร้อมให้คำแนะนำการดูแลหลังฉีดอย่างใกล้ชิด
หากคุณต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ TBL Clinic คือคลินิกที่คุณสามารถไว้วางใจได้ครับ
รีวิวฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
สำหรับท่านใดที่มีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ทีมแพทย์จาก To Beloved Clinic พร้อมให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ผ่านทาง Inbox Facebook หรือ Line Official : @TBLCLINIC ทางคลินิกได้โดยตรง ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ให้คำตอบด้วยตนเองครับ