เลขที่ ฆสพ./สบส 1536/2568

TBL Clinic

ร้อยไหม ราคา อัปเดตปี2025 ยกคิ้ว ดึงเหนียง หน้า V-Line ในงบที่เอื้อมถึง

ร้อยไหม ราคา

หัวข้อ

หลายคนส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าใบหน้าไม่เฟรชเหมือนเมื่อก่อน ทั้งคิ้วตก เหนียงเริ่มมา หรือกรอบหน้าไม่คมเหมือนสมัยเรียน มันคือโมเมนต์ที่ทำให้หลายคนคิดจะ อัปเกรดตัวเอง แต่ก็มักสะดุดกับคำถามว่า ร้อยไหม ราคาเท่าไหร่จริงๆ ? บอกเลยว่าในปี 2025 เทรนด์ร้อยไหมไม่ได้เป็นเรื่องไกลเกินงบแล้วครับ เพราะมีแพ็กเกจที่ตอบโจทย์ได้ทั้งยกคิ้ว ดึงเหนียง และสร้างหน้า V-Line ที่ชัดกว่าเดิมแบบเห็นผลไว ที่สำคัญการดูแลตัวเองไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย แต่คือการลงทุนให้ภาพลักษณ์และความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง บทความนี้หมอจะเล่าให้ฟังแบบตรง ๆ อ่านแล้วเคลียร์แน่นอนครับ

ทำไมราคาร้อยไหมถึงแตกต่างกัน

ราคาร้อยไหมจริงๆ แล้วขึ้นกับหลายแฟคเตอร์ครับ ไม่ใช่ว่าใคร ๆ จะจ่ายเท่ากันหมด ปัจจัยหลักคือ ชนิดไหม วัสดุที่ใช้ ลักษณะเส้นไหม และตำแหน่งที่ทำ แต่ละอย่างมีผลต่อทั้งค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์ที่ได้ ยิ่งไหมคุณภาพสูงหรือเทคนิคละเอียด ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจ มาลองแยกดูกันทีละเรื่องครับ

ร้อยไหม มีกี่แบบ ?

ปัจจุบันการร้อยไหมสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักครับ คือ ไหมละลาย และ ไหมไม่ละลาย ซึ่งมีความแตกต่างทั้งเรื่องวัสดุ ความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ได้

  • ไหมละลาย (Absorbable sutures) มักทำจากวัสดุอย่าง PDO (Polydioxanone), PLLA (Poly-L-Lactic Acid) หรือ PCL (Polycaprolactone) ข้อดีคือสามารถสลายไปเองตามกลไกของร่างกาย ปลอดภัยเพราะเป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ในการศัลยกรรมเย็บแผล เมื่อเส้นไหมสลายก็จะกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูเฟิร์มขึ้นต่อเนื่อง
  • ไหมไม่ละลาย (Non-absorbable sutures) เช่น ไหมทองคำ หรือ Gold Thread Lift แม้จะเคยเป็นกระแส แต่เนื่องจากเสี่ยงต่อการอักเสบและเกิดผลแทรกซ้อนระยะยาว ปัจจุบันแทบไม่ใช้แล้วครับ เพราะวัสดุไม่สามารถย่อยสลายได้ และอาจรบกวนการทำหัตถการอื่นในอนาคต

ร้อยไหมมีกี่ชนิด? เจาะลึกตามวัสดุที่ใช้

ปัจจุบันร้อยไหมที่ใช้ในคลินิกความงามจะเลือก ไหมละลาย (Absorbable Sutures) เท่านั้นครับ เพราะมีงานวิจัยยืนยันความปลอดภัยและผ่านการรับรองจากทั้ง U.S. FDA และ อย. ไทย สามารถสลายไปเองโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง แบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักที่เจอบ่อยที่สุดคือ PDO, PLLA และ PCL ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกัน

  • PDO (Polydioxanone) จุดเด่นคือความปลอดภัยสูง อยู่ในผิวได้ประมาณ 6–8 เดือน เหมาะกับคนที่อยากเห็นผลเร็ว ไม่อยากรอได้นาน
  • PLLA (Poly-L-Lactic Acid) อยู่ได้นานกว่า 12 เดือน กระตุ้นคอลลาเจนได้ดี แต่เนื้อไหมค่อนข้างแข็ง ทำให้หลายคลินิกเลือกใช้น้อยลง
  • PCL (Polycaprolactone) อายุการใช้งานเฉลี่ย 18–24 เดือน ถือว่านานสุด เส้นไหมยืดหยุ่น ไม่เปราะหักง่าย ให้ผลยกกระชับคงตัวที่สุด

ลักษณะเส้นไหม มีอะไรบ้าง ?

ลักษณะเส้นไหมถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมแตกต่างกันครับ ปัจจุบันนิยมใช้กันอยู่ 6 ชนิดหลัก ดังนี้

  • ไหมเรียบ (Mono Threads) เส้นไหมตรง ๆ ไม่มีเงี่ยง ใช้เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนเป็นหลัก เหมาะกับคนที่อยากให้ผิวดูใส นุ่มฟูขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยยกผิวมากนัก
  • ไหมเงี่ยง (Cog/Barbed Threads) มีเงี่ยงคล้ายตะขอเล็ก ๆ ทำหน้าที่ยึดเกาะเนื้อเยื่อ เหมาะกับการยกแก้ม เหนียง หรือคิ้ว ให้รูปหน้าคมขึ้นแบบชัดเจน
  • ไหมเกลียว (Screw Threads) เป็นการพันไหม 1–2 เส้นให้มีลักษณะเหมือนสปริง เหมาะกับการเติมร่องแก้มและช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู
  • ไหมกรวย (Cone Threads) เส้นไหมมีปมทรงกรวย สามารถพยุงผิวได้ดี ผลลัพธ์ยกทันทีหลังทำ แต่มีโอกาสบวมช้ำนานกว่าชนิดอื่น
  • ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) เส้นไหม PDO ที่ถูกออกแบบให้มีเงี่ยงทรงกรวยรอบเส้น 360 องศา แข็งแรง ยึดเกาะได้หลายทิศทาง เหมาะกับคนที่อยากให้ผิวยกแบบฟูลพาวเวอร์
  • ไหมโครงตาข่าย (Mesh Threads / Tesslift Soft) มีเงี่ยงรอบทิศทาง พร้อมเส้นใยโครงตาข่ายหุ้มรอบ ช่วยพยุงผิวได้แน่นและกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่าปกติ เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อยมาก

ถ้าใครยังลังเลว่าเส้นไหมแบบไหนเหมาะกับตัวเอง แนะนำให้ลองอ่านต่อที่ ร้อยไหมมีกี่แบบ? เจาะลึกทุกชนิดไหม พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับคุณ จะช่วยให้เข้าใจจุดเด่นของแต่ละชนิดและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

บริเวณที่ทำการร้อยไหม

การร้อยไหมสามารถทำได้หลายจุดบนใบหน้าและลำคอ ซึ่งแต่ละตำแหน่งมีเป้าหมายแตกต่างกันไปครับ

  1. กรอบหน้าและแนวขากรรไกร – ใช้ไหมเงี่ยงช่วยดึงยก ลดความหย่อนคล้อย ทำให้หน้าดู V-line คมชัดขึ้น
  2. แก้มและแก้มส้ม – เหมาะสำหรับคนที่มีร่องแก้มหรือแก้มตก เส้นไหมช่วยยกให้ผิวดูเฟิร์มและอิ่มฟู
  3. หางตาและหางคิ้ว – เพิ่มลุคเฉี่ยวแบบ foxy eyes แก้ปัญหาตาตก ให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นทันที
  4. เหนียงและใต้คาง – เป็นจุดที่หลายคนกังวล เส้นไหมช่วยเก็บเหนียง ทำให้คางชัดขึ้น ดูหน้าเรียวยาวกว่าเดิม
  5. ลำคอ – ใช้ไหมเรียบกระตุ้นคอลลาเจน ลดความหย่อนคล้อย ริ้วรอยที่คอจางลง

ร้อยไหม ราคา

ร้อยไหมยกหน้า ราคาเท่าไหร่ ?

ร้อยไหมยกหน้าเป็นหัตถการที่หลายคนสนใจเพราะช่วยให้รูปหน้าชัด กรอบหน้าคม แต่สิ่งที่ถูกถามบ่อยสุดก็คือแล้วราคาต่อเคสอยู่ที่เท่าไหร่จริง ๆ มาดูข้อมูลล่าสุดกันครับ โดยทั่วไปแพ็กเกจที่นิยมใช้คือ ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) ซึ่งเป็น PDO thread ชนิดเงี่ยง 3 มิติ ผ่าน อย. มีความแข็งแรงสูง สามารถยกพยุงเนื้อเยื่อได้ดีและผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าการใช้ไหมทั่วไป

  • แพ็กเกจ 4 เส้น – ราคาโปรโมชั่นประมาณ 15,900 บาท เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้น อยากลองเก็บกรอบหน้าเล็กน้อย
  • แพ็กเกจ 8 เส้น – ราคาอยู่ที่ 18,900–24,900 บาท ช่วยยกแก้มและเก็บเหนียงไปพร้อมกัน เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนกว่า
  • แพ็กเกจ 12 เส้น – ราคา 29,900 บาท เหมาะกับเคสที่ผิวหย่อนคล้อยมาก ต้องการยกกระชับทั้งหน้าให้ดู V-line แบบจัดเต็ม

ถ้าอยากให้กรอบหน้าคมขึ้นแบบมั่นใจ ลองปรึกษาหมอก่อนได้ครับ เราจะช่วยประเมินว่าควรใช้กี่เส้นถึงจะเหมาะสมที่สุด ทักมาได้ที่ Line Official หรือ Inbox Facebook เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะคุณครับ

ร้อยไหม Foxy Eyes ราคา เท่าไหร่ ?

การร้อยไหม Foxy Eyes เป็นเทคนิคยอดนิยมที่ช่วยยกหางตา–หางคิ้วให้เฉี่ยวขึ้นทันที ใบหน้าดูสดใสขึ้นและมีมิติที่คมชัดกว่าเดิม เหมาะกับคนที่รู้สึกว่าตาตก ทำให้หน้าดูเหนื่อย หรืออยากได้ลุคโฉบเฉี่ยวแบบสายฝอ โดยทั่วไปแพทย์จะเลือกใช้ ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) ซึ่งเป็นไหม PDO ชนิดเงี่ยง 3 มิติ แข็งแรง ยึดเกาะเนื้อเยื่อได้รอบทิศทาง ผ่านการรับรองจาก อย. จึงให้ผลการยกที่คมชัดและอยู่ได้นานกว่าการใช้ไหมทั่วไป ราคาของโปรแกรม TBL FoxyIcon Foxy Eyes มีดังนี้ครับ

  • 2 เส้น – 7,900 บาท เหมาะกับการเริ่มต้นปรับลุคเล็กน้อย
  • 4 เส้น – 15,900 บาท ให้ผลการยกที่ชัดเจน เหมาะกับคนที่อยากให้หางตาคมขึ้น
  • 6 เส้น – 19,900 บาท เหมาะกับเคสที่ต้องการการยกมากขึ้น เห็นผลทันทีและชัดกว่าเดิม

อยากรู้ว่าควรใช้กี่เส้นถึงจะได้ลุคตาเฉี่ยวที่เหมาะกับคุณ? ทักเลยที่ Line Official หรือ Inbox Facebook หมอพร้อมแนะนำให้ฟรีครับ

ร้อยไหมเหนียง ราคา เท่าไหร่ ?

เหนียงหรือไขมันใต้คางเป็นปัญหาที่ทำให้กรอบหน้าไม่ชัด ใบหน้าดูกลมและอ้วนกว่าความจริง การร้อยไหมถือเป็นอีกเทคนิคที่ช่วยเก็บผิวบริเวณนี้ได้ดี โดยเฉพาะการใช้ ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) ซึ่งเป็นไหม PDO ชนิดเงี่ยง 3 มิติ ผ่านการรับรองจาก อย. จุดเด่นคือเงี่ยงแข็งแรง ยึดเกาะเนื้อเยื่อได้รอบทิศทาง สามารถดึงรั้งผิวได้แน่นและกระตุ้นคอลลาเจนต่อเนื่อง ทำให้คางดูเรียวและกรอบหน้าคมขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ใครที่อยากได้ลุค V-line แบบไม่ต้องผ่าตัด มักเลือกวิธีนี้ครับ

  • แพ็กเกจ 4 เส้น – 19,900 บาท เหมาะกับเคสเหนียงเล็กน้อย
  • แพ็กเกจ 8 เส้น – 23,900–28,900 บาท ให้ผลการยกและเก็บเหนียงชัดขึ้น
  • แพ็กเกจ 12 เส้น – 34,900 บาท เหมาะกับเคสที่มีเหนียงหรือความหย่อนคล้อยมาก ต้องการยกกระชับทั้งแนวคางและลำคอ

เหนียงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะครับ เพราะถ่ายรูปมุมไหนก็โดนแย่งซีน มาลดเหนียงให้กรอบหน้าคมสับกันด้วยไหมมิ้นท์ ทักหาหมอที่ Line Official หรือ Inbox Facebook ได้เลยครับ

ร้อยไหมกี่วันเข้าที่ อยู่ได้นานแค่ไหน ?

หลังจากทำการร้อยไหม หลายคนกังวลว่าจะบวมกี่วันถึงจะหาย และผลลัพธ์จริง ๆ จะเข้าที่เมื่อไหร่ ต้องบอกเลยครับว่าโดยทั่วไป อาการบวมและช้ำจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 3–7 วัน หลังจากนั้นผิวเริ่มดูเรียบขึ้น แต่ผลที่ชัดเจนจริงๆ จะเห็นในช่วง 2–4 สัปดาห์ เพราะเส้นไหมจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวค่อยๆ กระชับอย่างเป็นธรรมชาติ

ในแง่ของความคงทน เส้นไหมแต่ละชนิดมีอายุการใช้งานต่างกัน เช่น PDO อยู่ได้ประมาณ 6–8 เดือน PLLA 12–18 เดือน และ PCL อาจอยู่ได้นานถึง 18–24 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพผิวและการดูแลหลังทำด้วยครับ พูดแบบง่ายๆ สาย Gen Z ก็คือ ทำวันนี้ บวมไม่นาน เดี๋ยวอีกแป๊บหน้าก็เฟิร์ม และผลลัพธ์จะอยู่กับคุณยาวนานหลายเดือนแน่นอน หมอสรุปมาให้เป็นตารางด้านล่างนี้ครับ จะได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าแต่ละช่วงผิวเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และไหมแต่ละชนิดอยู่ได้กี่เดือนกันแน่

ช่วงเวลา สิ่งที่เกิดขึ้นกับผิว หมายเหตุ
วันแรก – 7 วัน อาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย → ค่อย ๆ ดีขึ้นตามธรรมชาติ ประคบเย็นและงดกดนวดแรง ๆ จะช่วยให้หายไวขึ้น
2 – 4 สัปดาห์ ผลลัพธ์เริ่มเข้าที่ เห็นผิวตึงขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น เป็นช่วงที่เส้นไหมกระตุ้นคอลลาเจนใหม่
6 – 8 เดือน (PDO) อยู่ได้นานเฉลี่ย 6–8 เดือน ก่อนเส้นไหมสลาย เหมาะกับคนอยากลองเริ่มต้น
12 – 18 เดือน (PLLA) อยู่ได้นาน 1 ปีขึ้นไป ให้ผลยกกระชับชัด แต่ไหมแข็งกว่า นิยมกับคนที่อยากเห็นผลนานกว่าปกติ
18 – 24 เดือน (PCL) อยู่ได้นานสุด ราว 1.5–2 ปี ผิวกระชับและเด้งต่อเนื่อง เหมาะกับคนที่อยากลงทุนทีเดียว อยู่ยาว

รีวิวร้อยไหมจากลูกค้า TBL Clinic

รีวิวร้อยไหม

บทความแนะนำ : รีวิวร้อยไหม TBL CharmLine (Mint fine) ยกหน้าเรียว เก็บกรอบชัด ครั้งแรกในชีวิต

สรุปราคาร้อยไหม เลือกอย่างไรให้ไม่พลาด

การร้อยไหมไม่ใช่เรื่องของราคาอย่างเดียวครับ หลายคนอาจเห็นโปรถูกแล้วรีบตัดสินใจ แต่จริง ๆ สิ่งที่ควรโฟกัสคือมาตรฐานความปลอดภัย วัสดุที่ใช้ และประสบการณ์ของคนทำหัตถการก่อนเสมอ เส้นไหมที่ใช้ต้องเป็นไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว ไม่ทิ้งสารตกค้าง ส่วนเทคนิคการวางไหมก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าถูกชั้นผิว ผลลัพธ์จะดูเนียนธรรมชาติ ลดโอกาสบวมช้ำ และทำให้การยกกระชับอยู่ได้นานขึ้นด้วยครับ 

ที่สำคัญจำนวนเส้นไหมต้องพิจารณาตามปัญหาจริง ไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนกัน บางคนแก้เหนียงอาจต้องหลายเส้น ในขณะที่บางคนแก้มตกเล็กน้อยใช้เพียงไม่กี่เส้นก็พอ อย่าคิดว่า “ถูกสุดคือคุ้มสุด” แต่ควรเลือกให้สมดุลทั้งราคา คุณภาพ และความปลอดภัย นั่นแหละครับคือการลงทุนกับตัวเองที่เวิร์กจริง

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ร้อยไหม ราคา

  1. ร้อยไหมราคาเท่าไหร่ต่อครั้ง ?
    ราคาขึ้นกับจำนวนเส้นและชนิดไหม โดยทั่วไปเริ่มตั้งแต่หลักหมื่นต้น ๆ ไปจนถึงสามหมื่นกว่าบาทต่อเคสครับ
  2. ราคาร้อยไหมขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ?
    ขึ้นกับชนิดวัสดุไหม, จำนวนเส้นที่ใช้, ตำแหน่งที่ทำ และเทคนิคของผู้ทำหัตถการครับ
  3. ร้อยไหมกับฟิลเลอร์ แบบไหนคุ้มกว่ากัน ?
    ต่างกันตามปัญหา ฟิลเลอร์เหมาะกับการเติมเต็ม ส่วนร้อยไหมเหมาะกับการยกกระชับ เลือกตามความต้องการครับ
  4. รีวิวร้อยไหมราคาถูกน่าเชื่อถือไหม ?
    ควรระวังครับ ราคาที่ถูกผิดปกติอาจมาจากไหมไม่ได้มาตรฐานหรือทีมที่ไม่มีประสบการณ์
  5. ร้อยไหมราคาโปรโมชั่นกับราคาปกติต่างกันยังไง ?
    โปรโมชั่นมักจำกัดช่วงเวลา แต่ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นไหมแท้และทำโดยทีมแพทย์ที่ไว้ใจได้ครับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : 095-291-6565

Facebook : TBL Clinic-ทู บีเลิฟ คลินิก

e-mail : [email protected]

LINE : @tblclinic

LINE@