ฉีดโบท็อก เพื่ออะไร ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบ ต้องรู้อะไรบ้าง ?

ฉีดโบท็อก ควรรู้อะไรก่อนฉีด

หัวข้อ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า โบท็อก มานับครั้งไม่ถ้วน แต่รู้หรือไม่ว่าการฉีดโบท็อกไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียวครับ โบท็อกสามารถช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า แก้กล้ามเนื้อทำงานเกิน หรือแม้แต่บรรเทาอาการปวดได้ในบางกรณี แต่ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก เราควรรู้ให้ครบทั้ง ข้อดี ผลข้างเคียง วิธีเตรียมตัว และการเลือกแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงกับความต้องการที่สุด ในบทความนี้หมอจะพาคุณไปเจาะลึกว่าโบท็อกคืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด และต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้าคลินิก เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจครับ

ฉีดโบท็อก เพื่ออะไร ?

โบท็อก (Botulinum Toxin A) เป็นสารที่แพทย์ใช้เพื่อ ลดการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว โดยหลักแล้วจะช่วยให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งคลายตัวลง ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยและเส้นลึกที่เกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว หรือรอยตีนกาครับ นอกจากลดริ้วรอยแล้ว การฉีดโบท็อกยังสามารถใช้ในจุดอื่นเพื่อปรับรูปหน้า เช่น ลดกรามให้หน้าเรียวขึ้น ลิฟต์กรอบหน้า หรือแม้กระทั่งลดขนาดน่อง ปีกจมูก และปรับสมดุลคิ้วได้อีกด้วย ในทางการแพทย์ โบท็อกยังถูกนำไปใช้บรรเทาอาการปวดไมเกรน รักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไป (Hyperhidrosis) และภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งผิดปกติ ดังนั้น หากคุณมีปัญหาริ้วรอย ใบหน้าขาดความกระชับ หรือมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด โบท็อกอาจเป็นคำตอบที่ทั้งปลอดภัยและเห็นผลชัดเจนครับ

ข้อดีของการฉีดโบท็อก

การฉีดโบท็อก (Botulinum Toxin A) เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูง เพราะให้ผลลัพธ์รวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัด และยังมีข้อดีหลายอย่างที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความงามและการรักษาครับ

  • ลดริ้วรอยอย่างเห็นผล ไม่ว่าจะเป็นรอยหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว หรือรอยตีนกา โบท็อกช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ฉีดลดกราม หน้าเรียวขึ้น หรือลิฟต์กรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น
  • ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องลางาน
  • เห็นผลไวภายในไม่กี่วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันสั้น
  • ปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกใช้โบท็อกแท้ที่ผ่าน อย.

ฉีดโบท็อกช่วยอะไรได้บ้าง ?

โบท็อก (Botulinum Toxin A) ไม่ใช่แค่ลดริ้วรอยครับ แต่ยังมีประโยชน์ในด้านความงามและการรักษาหลายอย่าง ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว ตีนกา ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยการฉีดลดกล้ามเนื้อกราม เหมาะกับคนที่มีใบหน้ากว้างจากกล้ามเนื้อ
  • ยกกระชับผิว เช่น การลิฟต์หน้า ฉีดบริเวณแนวกรอบหน้าให้คมชัดขึ้นโดยไม่ต้องศัลยกรรม
  • ลดเหงื่อ (Hyperhidrosis) ใช้ในผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
  • ลดน่องหรือปรับรูปขา สำหรับคนที่น่องปูดจากกล้ามเนื้อ ให้ดูเรียวเล็กลง
  • รักษาไมเกรน ในบางกรณี โบท็อกสามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรนได้

ฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผลเพราะอะไร ?

มีคนไข้หลายคนที่สงสัยว่า ทำไมฉีดโบท็อกแล้วรู้สึกว่าไม่เห็นผล? ทั้งที่คาดหวังว่าจะเห็นหน้าตึงเป๊ะหรือกรอบหน้าชัดทันที ความจริงแล้วมีหลายสาเหตุที่อาจส่งผลให้โบท็อกไม่ออกฤทธิ์เท่าที่ควรครับ

  1. ใช้โบท็อกปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน เป็นสาเหตุหลักที่พบได้บ่อย เพราะตัวยาไม่มีคุณภาพ หรือไม่ได้รับการรับรองจาก อย. จึงไม่สามารถออกฤทธิ์ได้เต็มที่
  2. ดื้อโบท็อก หากเคยฉีดติดต่อกันถี่เกินไป ร่างกายอาจสร้างภูมิต้านทานต่อสารโบทูลินัม ทำให้ผลลัพธ์ลดลง
  3. ฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง หากแพทย์ไม่มีความชำนาญ การฉีดผิดตำแหน่งอาจทำให้ตัวยาไม่สามารถออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อเป้าหมายได้
  4. ปริมาณโบท็อกไม่เพียงพอ บางกรณีใช้ยูนิตน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ก็ทำให้ผลไม่ชัดเจน

รู้ได้ไงว่าดื้อโบ วิธีสังเกตุอาการที่คุณควรรู้

หลายคนอาจสงสัยว่า เราดื้อโบท็อกหรือยัง? เพราะบางครั้งฉีดแล้วไม่เห็นผลเหมือนเคย ทั้งที่ใช้ยี่ห้อเดิม ปริมาณเท่าเดิม ซึ่งภาวะดื้อโบท็อก (Botulinum Toxin Resistance) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ฉีดบ่อยเกินความจำเป็น หรือใช้โบท็อกที่มีสิ่งเจือปนสูง

สัญญาณที่อาจบ่งบอกว่าคุณเริ่มดื้อโบ ได้แก่

  • ฉีดโบท็อกแล้ว “ไม่เห็นผล” แม้รอเกิน 14 วัน
  • กล้ามเนื้อไม่คลายตัว ริ้วรอยยังชัดเหมือนเดิม
  • เคยเห็นผลชัดเจน แต่รอบหลังกลับจางหรือหายเร็วผิดปกติ
  • ต้องเพิ่มปริมาณยูนิตมากขึ้นทุกครั้ง เพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม

หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจประเมิน และอาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นโบท็อกชนิด Pure Toxin เช่น Xeomin ที่ลดโอกาสดื้อยาได้ครับ

ฉีดโบท็อกมีแบบไหนบ้าง ?

โบท็อกที่หลายคนรู้จักกันดีนั้น แท้จริงแล้วมีอยู่ 2 รูปแบบหลัก คือ โบท็อกเพื่อความงาม และ โบท็อกเพื่อการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งแต่ละแบบมีวัตถุประสงค์และการใช้งานที่ต่างกัน หากเข้าใจประเภทอย่างชัดเจน จะช่วยให้เลือกใช้โบท็อกได้อย่างตรงจุดและปลอดภัยมากขึ้น เดี๋ยวหมอจะพาไปรู้จักรายละเอียดของแต่ละประเภทกันต่อในหัวข้อถัดไปครับ

ฉีดโบท็อกแบบไหนที่เหมาะสำหรับการรักษา

โบท็อกไม่ได้มีแค่บทบาทด้านความงามเท่านั้นครับ แต่ยังถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งหรือการทำงานของระบบประสาทผิดปกติ ซึ่งการฉีดโบท็อกเพื่อรักษาจะใช้ Botulinum Toxin Type A เช่นเดียวกับในความงาม แต่จะมีเทคนิค ปริมาณ และจุดฉีดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นครับ

การฉีดโบท็อกเพื่อการรักษา เหมาะกับผู้ที่มีอาการ เช่น

  • ไมเกรนเรื้อรัง ฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อรอบศีรษะ ลดความถี่และความรุนแรงของอาการ
  • น่องแข็งเกร็งจากโรคทางสมอง เช่น อัมพาตหรือพาร์กินสัน
  • ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) ฉีดบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า เพื่อยับยั้งต่อมเหงื่อ

ฉีดโบท็อกแบบไหนที่เหมาะกับความงาม

โบท็อกที่ใช้ในด้านความงาม จะเน้นการฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อเฉพาะจุด ซึ่งช่วยปรับรูปหน้าให้ดูละมุนขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นครับ ซึ่งโบท็อกที่เหมาะสำหรับการเสริมความงามจะต้องมีความบริสุทธิ์สูง กระจายตัวดี และออกฤทธิ์ได้แม่นยำ โดยในการเลือกโบท็อกสำหรับก็จะมีดังนี้

  • การปรับรูปหน้า ฉีดลดกล้ามเนื้อกราม ช่วยให้หน้าเรียวลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าทรงเหลี่ยม หรือมีกรามชัด
  • การลบร่องลึกและริ้วรอย โบท็อกสามารถลดเลือนรอยย่นบนใบหน้า เช่น รอยหน้าผาก รอยตีนกา หรือระหว่างคิ้ว ทำให้หน้าดูอ่อนวัยขึ้น
  • การลิฟต์กรอบหน้า โบท็อกช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณกรอบหน้าและลำคอ ให้เส้นกรอบหน้าชัด ดูเรียวเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ยี่ห้อโบท็อกที่นิยมมีแบบไหนบ้าง ?

ในปัจจุบัน โบท็อกมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติ จุดเด่น และการกระจายตัวยาที่แตกต่างกันไปครับ การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับจุดที่ต้องการฉีดและผลลัพธ์ที่คาดหวัง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ ยี่ห้อโบท็อกที่ได้รับความนิยม เช่น Botox Allergan, Dysport, Xeomin, Neuronox, และ Aestox ซึ่งในหัวข้อถัดไป หมอจะพาไปรู้จักแต่ละแบรนด์ให้มากขึ้นครับ

Botox Allergan

Botox Allergan เป็นโบท็อกแท้จากอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกเรื่องความบริสุทธิ์และความแม่นยำสูง ตัวยากระจายแคบ ควบคุมผลลัพธ์ได้ดี เหมาะกับการฉีดบริเวณที่ต้องการความละเอียด เช่น หน้าผาก หางตา หรือกรอบหน้า ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง และอยู่ได้นานประมาณ 4–6 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยระดับพรีเมียมครับ

Dysport

Dysport คือโบท็อกจากอังกฤษที่เด่นเรื่อง การกระจายตัวยากว้าง จึงเหมาะมากกับการฉีดลดริ้วรอยบริเวณกว้าง เช่น หน้าผาก หรือกล้ามเนื้อขนาดใหญ่อย่างกรามและน่อง เห็นผลเร็วภายใน 2–3 วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดกล้ามเนื้อชัดเจนแบบเป็นธรรมชาติ แต่ต้องอาศัยเทคนิคที่แม่นยำจากแพทย์ เพื่อควบคุมผลลัพธ์ให้พอดีครับ

Xeomin

Xeomin เป็นโบท็อกจากเยอรมนีที่โดดเด่นในเรื่อง “ความบริสุทธิ์สูง” เพราะไม่มีโปรตีนเจือปน จึงลดโอกาสการดื้อยา เหมาะกับผู้ที่เคยฉีดโบท็อกเป็นประจำ และต้องการผลลัพธ์ที่เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ มักใช้ในบริเวณเล็กๆ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก หางตา หรือระหว่างคิ้ว และเหมาะกับผู้ที่ต้องการฉีดต่อเนื่องในระยะยาวครับ

Neuronox

Neuronox เป็นโบท็อกจากประเทศเกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติในการกระจายตัวยาได้ค่อนข้างแม่นยำและเห็นผลไว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย หรือล็อคกล้ามเนื้อในจุดที่ต้องการโดยเฉพาะ จุดเด่นของ Neuronox คือราคาที่เข้าถึงง่ายแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระดับมาตรฐาน จึงเหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ฉีดเป็นประจำและต้องการความคุ้มค่าครับ

Aestox

Aestox คือโบท็อกแบรนด์เกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเป็นธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติที่เด่นเรื่องการกระจายตัวยาอย่างพอเหมาะ ไม่ฟุ้งเกินไป จึงควบคุมจุดฉีดได้แม่นยำ เหมาะสำหรับฉีดลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า เช่น หางตา หน้าผาก หรือระหว่างคิ้ว อีกทั้งยังเห็นผลไวและอยู่ได้นานพอสมควร ราคาย่อมเยา เหมาะกับทั้งมือใหม่และคนที่ต้องการเติมโบท็อกเป็นประจำครับ

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดโบท็อก ?

การฉีดโบท็อกเหมาะกับหลายกลุ่มคน ไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องความงามเท่านั้นครับ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาจากกล้ามเนื้อหรือริ้วรอยที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพหรือการใช้ชีวิต

  • ผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา หรือรอยขมวดคิ้ว ที่ทำให้หน้าดูเหนื่อยหรืออารมณ์ไม่ดีตลอดเวลา
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น ลดกรามให้หน้าเรียว ลดปีกจมูก หรือยกกระชับกรอบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ผู้ที่มีภาวะทางการแพทย์ เช่น เหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis), กล้ามเนื้อกระตุก หรือไมเกรนเรื้อรัง
  • ผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองแบบไม่ต้องพักฟื้น ฉีดโบท็อกใช้เวลาน้อย เห็นผลไวและปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยได้ไหม ?

คำตอบคือ ได้ครับ การฉีดโบท็อกถือเป็นหนึ่งในวิธีลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา และรอยขมวดคิ้ว ซึ่งเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อผิวหน้า

โบท็อก หรือ Botulinum Toxin A จะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว ผิวหนังที่เคยย่นก็จะดูเรียบเนียนขึ้น ส่งผลให้ริ้วรอยตื้นลงและใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์มักเริ่มเห็นภายใน 3–7 วัน และจะชัดเจนที่สุดในช่วง 14 วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดครับ

ฉีดโบท็อกปรับรูปหน้าได้ไหม ?

แน่นอนครับว่า โบท็อกสามารถช่วยปรับรูปหน้าได้ โดยเฉพาะในเคสที่เกิดจากกล้ามเนื้อ เช่น กรามใหญ่ หน้าดูเหลี่ยม หรือไม่เรียว ซึ่งมักเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อบดเคี้ยวเยอะ หรือมีพฤติกรรมกัดฟันนาน ๆ การฉีดโบท็อกจะช่วยคลายกล้ามเนื้อส่วนนั้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงโดยไม่ต้องศัลยกรรม

นอกจากนี้ โบท็อกยังสามารถใช้ร่วมกับการลิฟต์กรอบหน้า ยกมุมปาก หรือยกคิ้ว เพื่อปรับองค์ประกอบใบหน้าให้ดูสมส่วนมากขึ้น เป็นการปรับรูปหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลไวภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามการฉีดต้องอาศัยความแม่นยำสูง แนะนำให้ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และเหมาะกับโครงหน้าของแต่ละคนครับ

ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกมีไหม ?

แม้ว่าโบท็อกจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ในบางกรณีครับ โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมักเป็นอาการชั่วคราว เช่น รอยเข็มช้ำเล็กน้อย บวมแดง หรือรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักหายได้เองภายใน 2–3 วัน ในบางรายอาจรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย หรือรู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณที่ฉีด โดยเฉพาะหากฉีดในจุดที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง เช่น หน้าผากหรือรอบดวงตา อย่างไรก็ตาม หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้โบท็อกแท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ก็สามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมากครับ

สิ่งที่ควรทำหลังฉีดโบท็อก

หลังจากฉีดโบท็อกเสร็จแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ครับ สิ่งที่ควรทำคือ หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเคลื่อนของตัวยาไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการควร งดนอนราบประมาณ 4 ชั่วโมงแรก และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากภายใน 24 ชั่วโมงแรกเช่นกัน นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำให้มาก และ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและตอบสนองต่อโบท็อกได้ดี

สุดท้าย อย่าลืม นัดติดตามผลกับแพทย์ ตามกำหนด เพื่อประเมินผลลัพธ์และปรับแผนการดูแลให้เหมาะสมในระยะยาวครับ ทั้งหมดนี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดูดีและปลอดภัยที่สุดจากการฉีดโบท็อก

ฉีดโบท็อกอันตรายไหม ?

การฉีดโบท็อกถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้สารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin Type A) ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้อง โบท็อกจะออกฤทธิ์เฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีด ไม่ไหลไปส่วนอื่นของร่างกาย และสลายเองได้ตามธรรมชาติในเวลา 3–6 เดือน ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ปลอมหรือฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ เช่น ฉีดผิดชั้นผิว ฉีดปริมาณมากเกินไป หรือฉีดไม่ตรงจุด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คิ้วไม่เท่ากัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือแข็งตึงเกินไป ดังนั้น หากเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน พร้อมแพทย์เฉพาะทาง โบท็อกก็จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัดครับ