ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย จุดไหนได้บ้าง? กี่วันเห็นผล? อยู่ได้นานเท่าไหร่? ใช้กี่ยูนิต?

โบท็อกซ์ริ้วรอย คืออะไร

หัวข้อ

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ก็เริ่มตามมา ไม่ว่าจะเป็นรอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา หรือร่องลึกระหว่างคิ้ว ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ? โบท็อกซ์จึงกลายเป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด และยังเห็นผลไวอีกด้วย หลายคนอาจยังสงสัยว่า โบท็อกซ์ฉีดได้บริเวณไหนบ้าง? ต้องใช้กี่ยูนิต? เห็นผลในกี่วัน? และจะอยู่ได้นานแค่ไหน? ในบทความนี้ หมอจะมาอธิบายทุกจุดสำคัญของการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย พร้อมคำแนะนำในการเลือกยี่ห้อและเทคนิคให้เหมาะกับปัญหาของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุดครับ

โบท็อกซ์ริ้วรอย คืออะไร? ทำงานอย่างไร ?

โบท็อกซ์ หรือชื่อทางการว่า Botulinum Toxin Type A เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติช่วยคลายการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว โดยเมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณที่เกิดริ้วรอย เช่น หน้าผาก หางตา หรือหว่างคิ้ว สารนี้จะไปยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทระหว่างสมองกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ไม่หดเกร็งเหมือนเดิม

ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวบริเวณนั้นจะเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง และสีหน้าดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งถือเป็นวิธีที่ปลอดภัย ได้ผลไว และมีการใช้มาอย่างยาวนานในวงการแพทย์ความงาม สำหรับใครที่มีปัญหาริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นจากการขมวดคิ้วหรือยิ้ม โบท็อกซ์คือคำตอบที่ช่วยให้คุณดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ

โบท็อกซ์ลดริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง ?

โบท็อกซ์ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีอายุมากแล้วเท่านั้นครับ จริงๆ แล้วหัตถการนี้สามารถใช้ได้กับหลายกลุ่มคนที่มีปัญหาผิวจากการแสดงสีหน้า หรือปัจจัยด้านอายุที่เริ่มส่งผลต่อความเรียบเนียนของผิวหน้า โดยกลุ่มที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย ได้แก่

  1. ผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก ร่องระหว่างคิ้ว หรือตีนกา ซึ่งเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อซ้ำๆ ในชีวิตประจำวัน
  2. ผู้ที่ต้องการป้องกันริ้วรอยก่อนวัย โบท็อกซ์สามารถใช้ในลักษณะของ “Preventive Botox” หรือการฉีดเพื่อชะลอการเกิดริ้วรอยลึกในอนาคต
  3. ผู้ที่ต้องการปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะกับผู้ที่รู้สึกว่าหน้าดูเหนื่อย ล้าตลอดเวลา โบท็อกช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  4. ผู้ที่มีริ้วรอยจากวัยที่เพิ่มขึ้น อายุที่มากขึ้นทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น โบท็อกช่วยคลายกล้ามเนื้อและให้ผิวดูเรียบขึ้น
  5. ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยโดยไม่ต้องผ่าตัด สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเจ็บตัวหรือพักฟื้นนาน การฉีดโบท็อกเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและเห็นผลรวดเร็ว

ริ้วรอยบนใบหน้า เกิดจากอะไร ?

ริ้วรอยบนใบหน้าเป็นหนึ่งในสัญญาณที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวตามวัย แต่รู้ไหมครับว่า จริง ๆ แล้วสาเหตุของริ้วรอยไม่ได้มีแค่ “อายุ” เท่านั้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ผิวเกิดรอยพับหรือรอยย่นได้เร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น หนึ่งในสาเหตุหลักคือ การหดเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้า จากการแสดงสีหน้า เช่น ขมวดคิ้ว ยิ้ม หรือเลิกคิ้ว ซ้ำๆ จนเกิดรอยพับสะสม โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และหางตา อีกปัจจัยสำคัญคือ การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยพยุงผิวให้เต่งตึง เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายผลิตได้น้อยลง ผิวจึงขาดความยืดหยุ่น ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย

นอกจากนี้ แสงแดด ความเครียด พฤติกรรมการนอน และมลภาวะ ก็มีส่วนเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นการดูแลผิวตั้งแต่เนิ่นๆ และเลือกวิธีลดริ้วรอยที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญครับ

จุดที่นิยมฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย  มีจุดไหนบ้าง ?

โบท็อกลดริ้วรอย เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลได้อย่างชัดเจนเมื่อฉีดในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยจุดที่นิยมฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย มีดังนี้ครับ

ฉีดโบท็อกระหว่างคิ้ว

บริเวณระหว่างคิ้ว เป็นจุดหนึ่งที่มักเกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะในคนที่ขมวดคิ้วบ่อย ๆ ไม่ว่าจะจากการเพ่ง อ่านหนังสือ หรือแสดงสีหน้าอย่างเป็นนิสัย รอยย่นลึกบริเวณนี้ทำให้ใบหน้าดูดุ เครียด หรือไม่เป็นมิตร ซึ่งหลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คนครับ การฉีดโบท็อกระหว่างคิ้วจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยพับในจุดนี้ โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวเรียบตึงขึ้น ริ้วรอยดูจางลง และใบหน้ากลับมาดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ของโบท็อกบริเวณหว่างคิ้วมักเห็นผลใน 5–7 วัน และอยู่ได้นานประมาณ 4–6 เดือน

ฉีดโบท็อกหน้าผาก

ริ้วรอยบริเวณหน้าผากมักเกิดจากการยกคิ้วหรือแสดงสีหน้าเป็นประจำ ส่งผลให้ผิวเกิดรอยพับถาวรดูไม่เรียบเนียน การฉีดโบท็อกหน้าผากเป็นวิธีที่ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ทำให้ผิวผ่อนคลาย เรียบตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำให้หน้าตึงแข็งหากฉีดในปริมาณเหมาะสม ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นภายใน 3–7 วัน และอยู่ได้นานประมาณ 4–6 เดือนครับ3

ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า

การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า เป็นเทคนิคที่ใช้โบทูลินั่ม ท็อกซิน ฉีดตามแนวกรอบหน้าและแนวกราม เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ดึงหน้าลง พร้อมกระตุ้นกล้ามเนื้อบางมัดให้ยกกระชับขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียว ยกขึ้น และลดความหย่อนคล้อยได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากจะช่วยปรับรูปหน้าให้ชัดเจนแล้ว ยังช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณแนวกรามและมุมปากได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลุคหน้าเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลใน 5–7 วันครับ

ฉีดโบท็อกหางตา หรือ โบท็อกตีนกา

ริ้วรอยบริเวณหางตา หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ตีนกา มักเกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น การยิ้มบ่อย หรือแม้แต่การหรี่ตา การฉีดโบท็อกบริเวณนี้จะช่วยคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้รอยพับลดลง ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง ยังคงยิ้มได้เหมือนเดิม เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดอายุให้ใบหน้าดูสดใสโดยไม่ต้องผ่าตัด และมักเริ่มเห็นผลภายใน 5–7 วันครับ

ฉีดโบท็อกร่องแก้ม

ร่องแก้มลึกถือเป็นหนึ่งในสัญญาณของผิวที่เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น และส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและดูแก่กว่าวัย การฉีดโบท็อกบริเวณกล้ามเนื้อรอบปากและร่องแก้มจะช่วยคลายแรงดึงของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยพับ ส่งผลให้ร่องดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และผ่อนคลายมากขึ้น

ฉีดโบท็อกใต้ตา

ริ้วรอยใต้ตาเป็นปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ไม่สดใส การฉีดโบท็อกบริเวณใต้ตาสามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่ทำให้เกิดรอยย่นเวลายิ้ม ช่วยให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์มากขึ้น เทคนิคนี้จะใช้ปริมาณโบท็อกในระดับต่ำ เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง

วิธีเลือกตำแหน่งฉีดให้เหมาะสมกับปัญหาแต่ละบุคคล ควรดูยังไงบ้าง

การฉีดโบท็อกให้เห็นผลและปลอดภัย ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวยาหรือยี่ห้อเท่านั้นครับ แต่ตำแหน่งที่ฉีดก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะโครงสร้างกล้ามเนื้อของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เช่น บางคนมีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า บางคนมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากกว่าปกติ หรือบางรายมีความไม่สมดุลของใบหน้า สิ่งสำคัญคือควรเข้ารับการประเมินกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา เช่น ริ้วรอยลึกเกิดจากกล้ามเนื้อหรือผิวบาง และเลือกตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ฉีดมากเกินหรือผิดตำแหน่ง เพราะอาจทำให้ผลลัพธ์ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้ครับ

โบท็อกซ์ริ้วรอย ใช้กี่ยูนิตในแต่ละจุด ?

การฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ไขริ้วรอยในแต่ละตำแหน่งบนใบหน้า จำเป็นต้องใช้ปริมาณยูนิตแตกต่างกันครับ เพราะขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแต่ละจุดไม่เท่ากัน แพทย์จึงต้องประเมินอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่แข็งตึงเกินไป และยังสามารถแสดงสีหน้าได้ตามปกติ โดยทั่วไปการใช้โบท็อกซ์ในแต่ละจุดจะประมาณนี้ครับ

  • ฉีดโบท็อกระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 10–25 ยูนิต ขึ้นอยู่กับความลึกของรอยขมวดคิ้ว
  • ฉีดโบท็อกหน้าผาก ใช้ประมาณ 10–20 ยูนิต ต้องระวังการกระจายตัว เพื่อไม่ให้คิ้วตก
  • ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า ใช้ประมาณ 30–50 ยูนิต เป็นการฉีดตามแนวกรอบหน้า ช่วยให้กรอบหน้าชัด ผิวตึงขึ้น
  • ฉีดโบท็อกหางตา หรือโบท็อกตีนกา ใช้ประมาณ 8–16 ยูนิต ช่วยลดรอยย่นเวลายิ้ม
  • ฉีดโบท็อกร่องแก้ม ใช้ประมาณ 4–10 ยูนิต (แล้วแต่เคส) โดยใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น เช่น ฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่กลมกลืน
  • ฉีดโบท็อกใต้ตา ใช้ประมาณ 2–8 ยูนิต เป็นจุดที่ต้องอาศัยความแม่นยำสูง เพราะผิวบางและใกล้ดวงตา

ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยกี่วันเห็นผล ?

หลังจากฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มเห็นผลลัพธ์เบื้องต้นภายใน 3–5 วัน ครับ แต่ผลที่ชัดเจนที่สุดมักจะเห็นได้ในช่วง 7–14 วัน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกที่ใช้ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล โบท็อกจะออกฤทธิ์โดยค่อย ๆ คลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวที่เคยมีรอยพับจากการแสดงสีหน้าคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ แนะนำให้เว้นการนวดหน้าและงดกิจกรรมหนักภายใน 24 ชม. แรก เพื่อให้ตัวยาเซ็ตตัวได้เต็มที่ครับ

โบท็อกซ์ริ้วรอยอยู่ได้นานเท่าไหร่ ?

โบท็อกซ์ ที่ใช้สำหรับลดริ้วรอยโดยทั่วไปจะให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3–6 เดือน ครับ ทั้งนี้ ระยะเวลาที่เห็นผลจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณยูนิตที่ใช้ ยี่ห้อของโบท็อก ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีด และพฤติกรรมหลังการรักษา เช่น การแสดงสีหน้าบ่อย การออกกำลังกายหนัก หรือความเครียดที่สะสม หากต้องการคงผลลัพธ์ให้ริ้วรอยจางลงอย่างต่อเนื่อง แนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำทุก 4–6 เดือน โดยเว้นระยะอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะดื้อยา และยังช่วยให้ผิวหน้าแลดูเรียบเนียนได้ในระยะยาวครับ

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?

ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย การเตรียมตัวให้พร้อมถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยคุณหมอขอแนะนำแนวทางการเตรียมตัวไว้ดังนี้ครับ

  1. งดยาและอาหารเสริมบางชนิดล่วงหน้า 3–7 วัน โดยเฉพาะยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, วิตามินอี, น้ำมันปลา, โสม หรือกระเทียม เพื่อป้องกันรอยช้ำหลังฉีด
  2. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำ เพราะอาจเพิ่มโอกาสเกิดรอยฟกช้ำและลดการดูดซึมของตัวยา
  3. นอนพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนหน้าวันฉีด ผิวที่สดใสและร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมจะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีขึ้น
  4. งดแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ เพื่อให้สามารถทำความสะอาดผิวก่อนฉีดได้อย่างหมดจด ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  5. แจ้งแพทย์ถึงประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือแพ้สารใด ๆ รวมถึงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกลดริ้วรอย มีขั้นตอนอย่างไร ?

หลายคนที่สนใจฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย อาจกังวลว่าหัตถการนี้ยุ่งยากหรือไม่ เจ็บหรือเปล่า และต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง จริง ๆ แล้วขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์นั้นไม่ซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้นเลยครับ โดยปกติจะมีขั้นตอนดังนี้

  1. ปรึกษาแพทย์และประเมินปัญหา แพทย์จะตรวจสภาพผิว ประเมินตำแหน่งของริ้วรอย และวางแผนการฉีด รวมถึงจำนวนยูนิตที่ต้องใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
  2. ทำความสะอาดผิวหน้า ก่อนฉีดจะต้องทำความสะอาดบริเวณใบหน้าให้ปราศจากเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  3. แปะยาชาหรือประคบน้ำแข็ง (แล้วแต่กรณี) บางรายที่กังวลเรื่องความเจ็บ แพทย์อาจใช้ยาชาช่วยบรรเทา หรือใช้การประคบเย็นก่อนฉีด
  4. ฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่จุดที่ต้องการลดริ้วรอย ใช้เข็มขนาดเล็กในการฉีดลงไปยังกล้ามเนื้อเป้าหมาย เช่น หน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา หรือร่องแก้ม
  5. ให้คำแนะนำหลังทำ หลังฉีดแพทย์จะให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเอง เช่น หลีกเลี่ยงการนวดหน้าและการนอนราบภายใน 4 ชั่วโมงแรก

ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 15–30 นาทีเท่านั้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีครับ

การปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกลดริ้วรอย ควรทำยังไง ?

หลังการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย แม้จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น แต่การดูแลตัวเองให้ถูกต้องหลังทำก็สำคัญมากครับ เพราะจะช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ได้เลยครับ

  1. งดนอนราบ 4 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่น ควรนั่งหรือนอนยกหัวสูง
  2. หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขยี้ หรือจับบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ตัวยาเคลื่อนผิดตำแหน่ง ซึ่งอาจกระทบต่อผลลัพธ์หรือรูปหน้าครับ
  3. งดออกกำลังกายหนัก 24–48 ชั่วโมง เหงื่อและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่มากเกินไปอาจลดประสิทธิภาพของโบท็อกได้
  4. งดซาวน่า อบไอน้ำ หรือทำเลเซอร์ที่หน้า 3–5 วัน เพื่อไม่ให้ผิวถูกกระตุ้นมากเกินไป และลดความเสี่ยงของรอยแดงหรืออักเสบ
  5. ดื่มน้ำให้มากขึ้น และพักผ่อนให้เพียงพอ การดูแลสุขภาพโดยรวมดีขึ้น จะช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อการรักษาได้ดีครับ
  6. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และอาหารเสริมที่ทำให้เลือดไหลเวียนเร็ว เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา หรือแอสไพริน อย่างน้อย 24–48 ชั่วโมง

หากมีอาการผิดปกติหลังฉีด เช่น บวมมาก เจ็บ หรือเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อผิดปกติ ควรรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อประเมินอาการทันทีครับ

ฉีดโบลดริ้วรอย อันตรายไหม ?

หลายคนที่สนใจฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย อาจมีความกังวลว่า “ปลอดภัยหรือเปล่า?” หรือ “จะเกิดผลข้างเคียงไหม?” คำตอบคือ การฉีดโบท็อกซ์โดยทั่วไปถือว่า “ปลอดภัย” ครับ หากเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และ ใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. โบท็อกซ์ทำงานโดยการคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ซึ่งหากฉีดในปริมาณที่เหมาะสมและตำแหน่งที่ถูกต้อง จะไม่ส่งผลเสียต่อการแสดงสีหน้าหรือการเคลื่อนไหวครับ อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกตึงเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งเป็นอาการชั่วคราวและหายได้เองภายในไม่กี่วัน

ผลข้างเคียงโบท็อกซ์ริ้วรอย

แม้ว่าโบท็อกซ์จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วง 1–3 วันหลังฉีด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติครับ

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • อาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด
  • ความรู้สึกตึงหรือหนักหน้าชั่วคราว
  • ปวดหัวเล็กน้อยในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดบริเวณหน้าผากหรือระหว่างคิ้ว

อาการเหล่านี้มักจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน และไม่ส่งผลระยะยาวครับ ในกรณีที่ฉีดผิดตำแหน่งหรือใช้ปริมาณไม่เหมาะสม อาจเกิดอาการเช่น หนังตาตก คิ้วไม่เท่ากัน หรือการแสดงสีหน้าแข็ง ซึ่งป้องกันได้ด้วยการเลือกฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์

ฉีดโบลดริ้วรอยดีไหม ?

คำถามที่หมอเจอบ่อยมากจากคนไข้คือ “ฉีดโบลดริ้วรอยดีไหม?” คำตอบคือ “ดีครับ ถ้าคุณต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด” เพราะโบท็อกซ์จะทำหน้าที่คลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยพับบนผิว เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา หรือร่องลึกระหว่างคิ้ว ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นและดูอ่อนเยาว์ลง ข้อดีคือ เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที อีกทั้งยังเป็นหัตถการที่ปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้โบท็อกแท้ และฉีดในปริมาณที่เหมาะสม

ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยยี่ห้อไหนดี ?

การเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการลดริ้วรอย เพราะแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเฉพาะตัวแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความบริสุทธิ์ของตัวยา ความกระจายตัว หรือความเสี่ยงในการดื้อยา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่ายี่ห้อไหนเหมาะกับปัญหาของคุณที่สุด โดยโบท็อกที่นิยมใช้ในคลินิกมีดังนี้ครับ

  • Allergan (USA) โบท็อกแท้จากอเมริกา ได้รับการรับรองจากทั่วโลก โดดเด่นเรื่องความบริสุทธิ์ กระจายตัวยาแคบ เหมาะกับจุดที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รอยระหว่างคิ้วหรือหางตา ผลลัพธ์อยู่ได้นานและเป็นธรรมชาติ
  • Dysport (UK) กระจายตัวได้กว้าง จึงนิยมใช้กับบริเวณกว้าง เช่น หน้าผาก หรือฉีดเพื่อลดเหงื่อ ข้อดีคือเห็นผลไว แต่ต้องอาศัยเทคนิคการฉีดที่แม่นยำ
  • Xeomin (Germany) ไม่มีโปรตีนเจือปน ลดความเสี่ยงต่อการดื้อยา เหมาะกับคนที่เคยฉีดโบท็อกมาหลายครั้งและต้องการลดความเสี่ยงเรื่องภูมิต้านทานตัวยา
  • Nabota, Aestox, Botulax, Neuronox (Korea) เป็นโบท็อกเกาหลีที่ผ่าน อย. ไทย ได้รับความนิยมสูงในไทย จุดเด่นคือราคาย่อมเยา มีความบริสุทธิ์ และเห็นผลไว เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์คุ้มค่า

โบท็อกลดริ้วรอยราคาเท่าไหร่ ?

ราคาของการฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอยนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ เช่น ยี่ห้อของโบท็อกที่เลือกใช้ ปริมาณยูนิตที่ใช้ในแต่ละจุด และความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการฉีด ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อทั้งผลลัพธ์และความปลอดภัยของคนไข้โดยตรง โดยทั่วไป ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 – 6,000 บาท สำหรับการฉีดในจุดเล็ก ๆ เช่น ระหว่างคิ้วหรือหางตา ส่วนจุดที่ต้องใช้ยูนิตมากขึ้น เช่น หน้าผากหรือลิฟต์กรอบหน้า ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 – 15,000 บาท ขึ้นไป

นอกจากนี้ ราคายังขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ เช่น

  • Allergan จะมีราคาสูงกว่า เพราะคุณภาพและความคงตัวของตัวยาดี
  • Nabota หรือ Aestox ราคาจะย่อมเยาลง แต่ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจหากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์

ฉีดโบลดริ้วรอยที่ไหนดี ?

การเลือกสถานที่ฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอยไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามครับ แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและผลลัพธ์ในระยะยาวโดยตรง สถานที่ที่ดีควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือเวชศาสตร์ความงามโดยตรง มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์ปัญหาริ้วรอยแต่ละจุด และสามารถเลือกตำแหน่งฉีดได้อย่างแม่นยำ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ ต้องใช้โบท็อกซ์แท้ที่ผ่าน อย. ไทยเท่านั้น พร้อมมีเอกสารแสดงล็อตยาให้ตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส นอกจากนี้ คลินิกควรมีมาตรฐานการดูแลทั้งก่อนและหลังการฉีดอย่างครบถ้วน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย

หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่น่าเชื่อถือและมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด TBL Clinic พร้อมให้บริการด้วยเทคนิคการฉีดที่แม่นยำ ปลอดภัย และออกแบบผลลัพธ์เฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกครั้งที่ยิ้ม 

จองคิวปรึกษาฟรีวันนี้! แอดไลน์เพื่อรับสิทธิพิเศษเฉพาะช่วงโปรโมชันได้ที่ @TBLClinic หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมที่เบอร์คลินิกได้เลยครับ

รีวิวฉีดโบท็อกลดริ้วรอย