เลขที่ ฆสพ./สบส 1536/2568

TBL Clinic

ร้อยไหม คืออะไร ช่วยอะไรได้บ้าง? รวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด

ร้อยไหม

หัวข้อ

ใครที่รู้สึกว่าหน้าเริ่มหย่อน เบ้าหน้าดรอป ไม่เฟิร์มเหมือนเดิม… บอกเลยว่าการร้อยไหม อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องนอนรพ. และไม่ต้องพักฟื้นให้ยุ่งยาก เพราะแค่ใช้ไหมละลายจิ๋วๆ ใต้ผิว ก็ช่วยยกผิวให้ดูตึงขึ้นได้แบบเห็นผลเร็ว บทความนี้หมอจะพาไปรู้จักกับร้อยไหมในแบบเข้าใจง่าย เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน และใครที่กำลังตั้งคำถามว่ามันช่วยได้จริงไหม? หน้าจะเป๊ะหรือโป๊ะ? หรือ ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนทำ? ถ้าคุณเคยสงสัยคำพวกนี้อยู่ในหัว อย่าพลาดเลยครับ เพราะหมอจะรวมทุก Q&A ไว้ให้ครบแบบฉบับสายเกา สายคลีน หรือแม้แต่สายอยากหน้าเฟิร์มไวเวอร์ ก็อ่านได้แบบสนุกๆ คลายทุกข้อกังวลแน่นอน

ร้อยไหมคืออะไร?

ร้อยไหม คือ หัตถการที่ใช้ไหมละลายชนิดพิเศษ เช่น PDO (Polydioxanone) สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงเป๊ะ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น แถมยังเห็นผลไวแบบทันใจสายเร่งรีบ

ไหมที่ใช้จะถูกออกแบบให้มีเงี่ยง (Barb) หรือเป็นเกลียว เพื่อให้ยึดเกาะกับชั้นผิวได้ดี และค่อยๆ ละลายภายใน 6–8 เดือน ขณะเดียวกันร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อใหม่มาพยุงผิวแทนไหม ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นอีกหลายเดือนแบบยืดๆ พูดง่ายๆ ก็คือ เหมือนได้รีเซ็ตกรอบหน้าให้เป๊ะขึ้นแบบไม่ต้องศัลย์ เหมาะกับคนที่อยากเฟิร์มหน้าโดยยังคงความเป็นธรรมชาติ แถมตอนนี้ก็เป็นเทรนด์มาแรงในกลุ่มสาย Beauty Minimal ด้วยนะครับ

ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

แน่นอนครับ ถ้าถามว่าร้อยไหมช่วยเรื่องอะไรบ้าง? ต้องบอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่ยกหน้า แต่ยังมีอีกหลายจุดที่สายดูแลตัวเองต้องรู้! วันนี้หมอขออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ แบบมีสาระและตามทันเทรนด์ยุคนี้ครับ

  1. ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าที่เริ่มหย่อน โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า แก้มล่าง หรือแนวคาง ร้อยไหมจะช่วยดึงผิวให้ตึงขึ้นทันทีหลังทำ
  2. ปรับรูปหน้าให้เรียวเป็น V-shape ไหมจะช่วยจัดโครงหน้าให้ดูละมุน มีมิติขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด ปังแบบปลอดภัย!
  3. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Neo-Collagenesis) ไหมละลายจะกระตุ้นชั้นผิวให้สร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรง ดูฟูแน่น สดใสขึ้นเรื่อยๆ หลังทำ
  4. ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า เหมาะกับคนที่มีร่องแก้มเล็กๆ หรือมุมปากตก ไหมจะช่วยยกให้ดูละมุนขึ้นแบบไม่แข็งทื่อ
  5. เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น ตอบโจทย์คนยุคนี้ที่อยากสวยไว กลับไปใช้ชีวิตต่อได้เลยแบบไม่ต้องพักฟื้น

การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง ?

การร้อยไหมไม่ใช่แค่หัตถการสำหรับคนวัย 40+ อย่างที่หลายคนเข้าใจนะครับ จริงๆ แล้วมันเหมาะกับคนหลากหลายกลุ่มมากกว่าที่คิด วันนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังว่า ใครบ้างที่ควรพิจารณา “ร้อยไหม” ให้เป็นตัวช่วยในการยกกระชับหน้าแบบไม่ผ่าตัด

  1. คนที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย – ปานกลาง เหมาะกับคนที่อายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะช่วงอายุ 30+ ที่เริ่มมีความหย่อนของผิวแบบไม่รุนแรง การร้อยไหมจะช่วยพยุงผิวให้ยกกระชับขึ้นแบบเห็นผล
  2. คนที่ไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า สำหรับใครที่ไม่สะดวกใจเรื่องมีดหมอ แต่อยากหน้าเฟิร์ม ก็สามารถเลือกใช้ร้อยไหมแทนได้ เพราะไม่ต้องพักฟื้นนาน
  3. คนที่โครงหน้าไม่ชัด กรอบหน้าดรอป ร้อยไหมช่วยปรับแนวกรอบหน้าให้ชัดขึ้น แบบ V-shape อย่างเป็นธรรมชาติ
  4. คนที่อยากกระตุ้นคอลลาเจนโดยไม่ใช้เข็มฉีดหลายจุด ไหมละลายจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวแบบทั่วถึง โดยไม่ต้องฉีดหลายรอบ

ร้อยไหมมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าไหม ที่ใช้ร้อยแต่ละชนิด ไม่ได้มีแค่แบบเดียว และแต่ละแบบก็มีหน้าที่แตกต่างกันด้วยครับ วันนี้หมอจะมาอัปเดตแบบเจาะลึกว่า ร้อยไหมมีกี่แบบ และแต่ละแบบเหมาะกับอะไรบ้าง เพื่อให้เลือกใช้ได้ถูกจุดและเห็นผลลัพธ์ชัดที่สุด

  1. ไหมเรียบ (Mono Thread) ไหมเส้นเล็ก ไม่มีเงี่ยง ใช้สำหรับกระตุ้นคอลลาเจนทั่วใบหน้า ช่วยให้ผิวแน่นฟู ริ้วรอยเล็กๆ ดูจางลง แต่จะไม่ยกกระชับโครงหน้าเท่าไร เหมาะกับคนที่ต้องการบำรุงผิวในระดับลึก
  2. ไหมเงี่ยง (Cog Thread) ไหมชนิดนี้มีเงี่ยงคล้ายเบ็ดปลา ช่วยเกี่ยวชั้นผิวให้ยกขึ้นได้จริงจัง เหมาะกับคนที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด ต้องการผลลัพธ์เรื่องยกกระชับทันที
  3. ไหมเกลียว (Screw/Spiral Thread) เป็นไหมที่พันกันเป็นเกลียว มีแรงพยุงดี ใช้คู่กับไหมเงี่ยงเพื่อเพิ่มวอลุ่มในจุดที่ต้องการ เช่น แก้มตอบ ร่องแก้ม หรือมุมปากตก
  4. ไหมละลายแบบพรีเมียม (เช่น PCL, PLLA) ละลายช้ากว่า PDO อยู่ได้นานขึ้น 12–18 เดือน เหมาะกับคนที่อยากผลลัพธ์ยาวๆ แบบไม่ต้องเติมบ่อย

ร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด

ถ้าถามหมอว่าร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด? คำตอบที่ตรงที่สุดคือ ไม่มีไหมแบบไหนที่ดีที่สุดแบบตายตัว เพราะสิ่งที่ดีที่สุดจริงๆ คือ ไหมที่เหมาะกับใบหน้าและปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด ต่างหากครับ สำหรับคนที่ต้องการยกกระชับชัดๆ แบบเห็นผลทันที ไหมเงี่ยง (Cog Thread) จะตอบโจทย์มาก เพราะมีเงี่ยงช่วยเกี่ยวพยุงชั้นผิวให้ยกขึ้นได้ทันทีหลังทำ ส่วนใครที่เน้นผิวฟู ผิวใส ลดริ้วรอยเล็กๆ แบบไม่เน้นยกแรงๆ ไหมเรียบ (Mono) ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก หากต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ไหมพรีเมียมอย่าง PCL หรือ PLLA ที่ละลายช้ากว่า PDO ก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะ โดยเฉพาะคนที่ไม่อยากเติมบ่อย หมอแนะนำว่าอย่ามองแค่ ไหมตัวดัง หรือ ตามรีวิว อย่างเดียว แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์สภาพผิว โครงหน้า และระดับการยกกระชับที่ต้องการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งปลอดภัยและตรงเป้าหมายที่สุดครับ

ร้อยไหม อันตรายไหม ?

คำถามยอดฮิตที่หมอมักเจอคือ ร้อยไหมอันตรายไหม? ต้องบอกตรงๆ ว่า การร้อยไหมถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยในระดับสูง ถ้าทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ไหมละลายที่ผ่าน อย. เท่านั้นครับ ไหมที่ใช้จะเป็นชนิดละลายได้ เช่น PDO, PLLA หรือ PCL ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้หมด ไม่มีสารตกค้าง ไม่ต้องผ่าออก และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ในตัว แต่ถ้าเลือกคลินิกไม่ได้มาตรฐาน ใช้ไหมปลอมหรือแพทย์ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจเจอปัญหาไหมทะลุ ผิวเป็นคลื่น หรืออักเสบติดเชื้อได้

ผลข้างเคียงที่พบได้บ้าง เช่น บวมแดง เขียวช้ำ หรือรู้สึกตึงผิวช่วงแรก ซึ่งส่วนใหญ่หายเองภายในไม่กี่วัน ไม่ได้จัดว่าเป็น “อันตราย” แต่ควรเฝ้าระวังและรับคำแนะนำจากแพทย์โดยตรง สรุปคือ การร้อยไหมไม่ได้น่ากลัว ถ้าคุณเลือกถูกที่ ถูกคน และไม่หวังผลเกินจริงครับ

ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม ที่ควรรู้ ?

แน่นอนครับ ถึงแม้การร้อยไหมจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและนิยมมากในยุคนี้ แต่ก็มี ผลข้างเคียงบางอย่าง ที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจ เพื่อจะได้ไม่ตกใจและเตรียมตัวรับมือได้อย่างถูกวิธี หมอขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ตามนี้เลยครับ

  1. บวม / แดง / เขียวช้ำบริเวณที่ร้อยไหม พบได้บ่อยในช่วง 3–7 วันแรก หลังจากนั้นจะค่อยๆ หายไปเอง
  2. อาการตึงหรือรู้สึก Tight ใต้ผิว ไหมจะทำหน้าที่ยึดชั้นผิว ทำให้ช่วงแรกอาจรู้สึกตึงๆ โดยเฉพาะตอนยิ้มหรือขยับหน้า
  3. รอยบุ๋มหรือผิวไม่เรียบในบางจุด เกิดจากไหมเกี่ยวชั้นผิวตื้นเกินไป หรือดึงแรงเกินพอดี มักหายได้ใน 1–2 สัปดาห์
  4. อาการเสียวจี๊ดเล็กๆ ตามแนวไหม เพราะไหมกระทบเส้นประสาทผิวบางจุด แต่อาการนี้ไม่อันตรายและจะหายไปเอง
  5. ติดเชื้อ (พบได้น้อยมาก) หากไม่ดูแลแผลให้สะอาด หรือร้อยไหมกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์

ร้อยไหม มีข้อดี-ข้อควรระวังอย่างไรบ้าง ?

การร้อยไหมถือเป็นตัวช่วยยกกระชับที่มาแรงในยุคนี้ แต่ก่อนตัดสินใจ หมออยากให้รู้ทั้ง ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวัง เพื่อให้คุณเลือกได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุดครับ

ข้อดีของการร้อยไหม

  1. ยกกระชับทันที หลังทำเห็นผลชัดเจน กรอบหน้าชัดขึ้น ผิวดูเฟิร์ม
  2. กระตุ้นคอลลาเจน ไหมละลายช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงในระยะยาว
  3. ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลใหญ่ พักฟื้นน้อย ใช้ชีวิตต่อได้เลย
  4. ผลลัพธ์ดูธรรมชาติ หากทำกับแพทย์เชี่ยวชาญ จะได้ผลลัพธ์ที่ละมุน ไม่หลอกตา

ข้อควรระวัง

  1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาต และใช้ไหมที่ผ่าน อย.
  2. ทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ป้องกันไหมทะลุหรือผิวผิดรูป
  3. ดูแลหลังทำอย่างเคร่งครัด งดนวดหน้า ออกกำลังกายหนัก หรือสัมผัสใบหน้าแรงๆ ใน 1 สัปดาห์แรก

หลังร้อยไหมจะหายบวมตอนไหน

หลังร้อยไหม อาการบวมจะเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ เพราะเป็นการตอบสนองของร่างกายต่อการสอดไหมใต้ผิว

  • ช่วง 3–7 วันแรก เป็นช่วงที่บวมชัดที่สุด เนื่องจากมีการอักเสบของแผลใต้ผิว อาจรู้สึกเจ็บหรือระบมเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนยิ้มหรือขยับหน้า
  • ช่วง 2 สัปดาห์หลังทำ อาการบวมจะค่อยๆ ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเริ่มเข้าที่มากขึ้น แม้ยังคลำเจอความตึงหรือเป็นไตบางจุด โดยเฉพาะบริเวณแก้มหรือโหนก
  • ช่วง 4 สัปดาห์หลังทำ ใบหน้าจะเข้าที่เกือบ 100% อาการบวมและระบมหายไปเกือบหมด เหลือเพียงความตึงเล็กน้อยซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้น
  • ช่วง 8–12 สัปดาห์ ผลลัพธ์ของการยกกระชับจะชัดเจนเต็มที่ ผิวกระชับขึ้นตามการกระตุ้นคอลลาเจน และดูเป็นธรรมชาติที่สุด

ดังนั้น ถ้าเจอบวมในช่วงแรกอย่าตกใจ ถือว่าเป็นสัญญาณปกติที่ผิวกำลังฟื้นตัวและปรับตัวกับไหมครับ

ร้อยไหมแล้วหน้าบวม 14 วัน เกิดจากอะไร ?

โดยปกติแล้ว หลังร้อยไหมจะมีอาการบวมเล็กน้อย 3–7 วันแรก จากนั้นจะค่อยๆ ยุบลง แต่ถ้า บวมยาวนานถึง 14 วัน ถือว่าเกินกว่าปกติ หมออยากให้เช็กสาเหตุให้ชัดเจน เพราะอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น

  • การอักเสบของเนื้อเยื่อ (Inflammatory Response) ร่างกายบางคนตอบสนองต่อไหมแรงกว่าปกติ
  • ไหมวางตื้นหรือดึงแน่นเกินไป ทำให้ผิวตึงและบวมค้างนาน
  • ติดเชื้อ (Infection) สังเกตว่ามีอาการแดง ร้อน เจ็บ หรือมีหนองร่วมด้วยหรือไม่
  • การดูแลหลังทำไม่ถูกวิธี เช่น นวดหน้าเร็วเกินไป หรือออกกำลังกายหนักในช่วงแรก

ถ้ามีอาการบวมเกิน 10 วัน หรือบวมร่วมกับเจ็บมากขึ้น แนะนำพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมิน ไม่ควรรอดูเอง เพราะบางครั้งอาจต้องใช้ยาหรือแก้ไขเฉพาะจุดครับ

อันตรายจากพังผืดหลังร้อยไหม

พังผืดหลังร้อยไหมเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล แต่หมออยากบอกว่า พังผืดที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วเป็นกระบวนการปกติของร่างกาย เพราะไหมละลายจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งบางส่วนอาจพัฒนาเป็นพังผืดเล็กๆ เพื่อช่วยพยุงผิวให้กระชับขึ้น แต่อันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อ พังผืดหนาเกินไป หรือดึงรั้งผิวในทิศทางผิด เช่น วางไหมไม่ถูกชั้น หรือทำกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ ส่งผลให้ผิวเป็นคลื่น มีรอยบุ๋มหรือดึงจนหน้าเสียสมดุล

อาการที่ควรสังเกตคือ ผิวแข็งผิดปกติ กดแล้วเจ็บนาน หรือมีรอยย่นแปลกๆ หากเกิดแบบนี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมิน เพราะบางเคสอาจต้องฉีดสลายพังผืดหรือแก้ไขเพิ่มเติม สรุปคือ พังผืดไม่ได้น่ากลัวเสมอไป แต่การเลือกคลินิกและแพทย์ที่ชำนาญคือทางออกที่ปลอดภัยที่สุดครับ

เข็มร้อยไหมแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร ?

หลายคนอาจโฟกัสไปที่ “ไหม” แต่ลืมไปว่า เข็มร้อยไหม เองก็มีหลายแบบ และแต่ละแบบมีผลต่อเทคนิคและความสบายของคนไข้ด้วยนะครับ หมอจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเข็มแต่ละชนิดต่างกันยังไงบ้าง

1. เข็มแบบแหลม (Needle Type)

  • เป็นเข็มปลายแหลม ใช้เจาะเข้าสู่ชั้นผิวได้โดยตรง
  • เหมาะกับการร้อยไหมที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น บริเวณกรอบหน้า
  • ข้อเสียคืออาจทำให้บวมช้ำง่ายกว่าแบบทู่

2. เข็มแบบทู่ (Cannula Type)

  • ปลายเข็มจะมน ไม่ทำลายเส้นเลือดมาก
  • ลดโอกาสเกิดรอยช้ำและอาการเจ็บหลังทำ
  • เหมาะสำหรับร้อยไหมบริเวณที่เสี่ยงช้ำง่าย เช่น ใต้ตาหรือร่องแก้ม

3. เข็ม Blunt-Tip Cannula รุ่นใหม่

  • เป็นเทรนด์ที่คลินิกสมัยนี้นิยม ใช้ร่วมกับไหมเงี่ยงหรือไหมพรีเมียม
  • ปลอดภัยขึ้นเพราะเลี่ยงเส้นเลือดใหญ่ และช่วยให้ไหมวางตัวสวยเรียบ

ร้อยไหมอยู่ได้นานแค่ไหน? ต้องร้อยซ้ำไหม?

หลายคนถามหมอว่าร้อยไหมอยู่ได้นานเท่าไหร่ ต้องทำซ้ำบ่อยไหม? คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับชนิดไหมและสภาพผิวของแต่ละคน ครับ โดยทั่วไป ไหม PDO ซึ่งใช้กันเยอะที่สุด จะละลายหมดในประมาณ 6–8 เดือน แต่ผลลัพธ์ยกกระชับยังคงอยู่ต่อได้ถึง 8–12 เดือน เพราะร่างกายสร้างคอลลาเจนมาพยุงผิวแทนไหม ส่วนไหมพรีเมียมอย่าง PCL หรือ PLLA ละลายช้ากว่า อยู่ได้นาน 12–18 เดือน และให้ผลต่อเนื่องยาวขึ้น

ต้องร้อยซ้ำไหม? ถ้าอยากคงผลลัพธ์สวยต่อเนื่อง หมอแนะนำทำซ้ำทุก 12 เดือนโดยประมาณ หรือเร็วกว่านั้นในบางคนที่มีผิวหย่อนมากขึ้นตามวัย การทำซ้ำไม่ได้ทำให้ผิวบางหรือเสียหาย ตรงกันข้ามกลับช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ๆ ให้ผิวแข็งแรงขึ้น

ควรร้อยไหมถี่แค่ไหนถึงจะเห็นผลต่อเนื่อง?

หลายคนสงสัยว่าควรร้อยไหมบ่อยแค่ไหน ถึงจะคงความตึงปังไว้อย่างต่อเนื่อง? หมอขอบอกเลยว่า ไม่จำเป็นต้องทำถี่เกินไป เพราะไหมละลายจะค่อยๆ กระตุ้นคอลลาเจนและพยุงผิวไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว โดยทั่วไป หลังร้อยไหมครั้งแรก ผลลัพธ์จะชัดขึ้นในช่วง 1–2 เดือน และอยู่ได้นาน 8–12 เดือน สำหรับไหม PDO ส่วนไหมพรีเมียมอย่าง PCL หรือ PLLA อาจยืดไปถึง 12–18 เดือน ดังนั้นการทำซ้ำบ่อยเกินจำเป็นไม่ได้ทำให้สวยขึ้นกว่าเดิม แต่ควรทำ ปีละครั้ง หรือเมื่อเริ่มสังเกตว่าผิวหย่อนลงอีกครั้ง ในบางเคสที่ผิวมีความหย่อนคล้อยมาก แพทย์อาจแนะนำเสริมไหมบางจุดใน 6–8 เดือน เพื่อคงความกระชับต่อเนื่อง แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์เท่านั้น

ร้อยไหมตกไวเพราะอะไร

ร้อยไหมแล้วทำไมบางคนอยู่ไม่นาน หน้าแป๊บเดียวก็ตก? จริงๆ แล้วสาเหตุมีหลายอย่างครับ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับไหมอย่างเดียว

  1. คุณภาพไหม ไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน ละลายเร็ว ทำให้ผลยกกระชับอยู่ไม่นาน
  2. เทคนิคการร้อย ถ้าวางไหมไม่ถูกชั้น หรือแรงดึงไม่เพียงพอ ผลลัพธ์ก็หลุดเร็ว
  3. สภาพผิวของคนไข้ ผิวบาง หรือหย่อนคล้อยมากอยู่แล้ว อาจตอบสนองต่อไหมได้สั้นกว่า
  4. การดูแลหลังทำ นวดหน้าแรง ออกกำลังกายหนัก หรือกินแอลกอฮอล์ช่วงฟื้นตัว มีผลให้ไหมคลายเร็ว
  5. พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ นอนคว่ำบ่อย สูบบุหรี่ หรือเจอแสงแดดจัดเป็นประจำ ก็เร่งการเสื่อมคอลลาเจน

ข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลัง ร้อยไหม เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น

การร้อยไหมจะให้ผลลัพธ์ปังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวก่อนและหลังทำด้วยนะครับ เพราะต่อให้ใช้ไหมดีแค่ไหน ถ้าไม่ดูแลตัวเอง ผลก็อาจอยู่สั้นกว่าที่ควร วันนี้หมอสรุปวิธีดูแลแบบง่ายๆ แต่เวิร์กสุดๆ มาให้แล้ว

ก่อนร้อยไหมควรปฏิบัติตัวดังนี้

  1. งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 3 วัน เพราะมีผลต่อการไหลเวียนเลือดและการฟื้นตัวของแผล
  2. งดยาและอาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น แอสไพริน วิตามินอี โอเมก้า 3 เพื่อลดรอยช้ำหลังทำ
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมต่อการซ่อมแซมผิว

หลังร้อยไหมควรปฏิบัติตัวดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดแรงๆ บนใบหน้า ช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
  2. งดนวดหน้า ขัดผิว หรือทำเลเซอร์แรงๆ จนกว่าไหมจะเข้าที่
  3. หลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้าง หัวเราะแรง หรือเคี้ยวอาหารเหนียว ในช่วง 7 วันแรก เพื่อลดแรงดึงต่อไหม
  4. งดออกกำลังกายหนักและซาวน่า 1–2 สัปดาห์ เพราะความร้อนและแรงสั่นสะเทือนอาจเร่งไหมคลาย
  5. ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดบวม และเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นเบาๆ หลังจากนั้นช่วยลดช้ำ

ทำไมต้องร้อยไหมที่ TBL Clinic

การร้อยไหมไม่ใช่แค่ทำแล้วสวย แต่ต้องทำอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ปัง ซึ่ง TBL Clinic เราใส่ใจทุกขั้นตอนเพื่อตอบโจทย์นี้

  1. ใช้ไหมคุณภาพสูง ผ่านการรับรอง อย.
    เลือกใช้ไหมที่มีมาตรฐาน สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้าง ลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ

  2. แพทย์มีประสบการณ์ตรง
    ทุกเคสทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า เข้าใจโครงสร้างใบหน้าอย่างลึกซึ้ง

  3. เทคนิคเฉพาะ TBL
    วางแนวไหมแม่นยำ ยกกระชับได้พอดีกับสัดส่วนใบหน้า ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดึงจนแข็ง

  4. ติด BTS พระโขนง เดินทางง่าย
    สะดวกทั้งคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

  5. ดูแลต่อเนื่องหลังทำ
    มีการติดตามผล และให้คำแนะนำการดูแลเฉพาะบุคคล

ถ้าคุณกำลังหาคลินิกร้อยไหมที่ทั้งปลอดภัย ได้มาตรฐาน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ TBL Clinic พร้อมตอบโจทย์ครบทุกข้อ เรามีข้อมูลครบตั้งแต่ ร้อยไหมคืออะไร ขั้นตอนการทำ ข้อดี วิธีดูแลหลังทำ ไปจนถึงภาพรีวิวจริง ให้คุณตัดสินใจก่อนเข้ารับบริการได้อย่างมั่นใจในบทความนี้และถ้าหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โปรแกรมร้อยไหมที่ TBL Clinic แล้วมาดูว่าทำไมเราถึงเป็นตัวเลือกที่หลายคนไว้ใจให้ดูแลใบหน้า

รีวิวร้อยไหม TBL Cliinic

#ภาพหรือวิดิวโอร้อยไหมยกกระชับหน้า

สรุปว่าร้อยไหมแก้หน้าหย่อน ยิ่งทำไว ยิ่งปังไว

อย่ารอให้หน้าหย่อนจนต้องพึ่งมีดหมอ! ถ้าเริ่มสังเกตว่ากรอบหน้าไม่ชัด ผิวเริ่มหย่อนคล้อย อย่าปล่อยไว้ เพราะยิ่งแก้เร็ว ผลลัพธ์ก็ยิ่งปังไวกว่าเดิม และหนึ่งในวิธีที่หมอแนะนำสุดๆ คือ การร้อยไหม ตัวช่วยยกกระชับที่ทั้งปลอดภัย เห็นผลไว และไม่ต้องพักฟื้นนาน

ที่ TBL Clinic เราใช้ไหมละลายคุณภาพสูง ผ่าน อย. ร้อยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รู้โครงหน้าลึกระดับมิลลิเมตร ช่วยให้ผลยกกระชับเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ ไม่แข็ง และอยู่ได้นาน ใครที่อยากรีเซ็ตหน้าให้กลับมาตึงแบบวัยแรกๆ แนะนำมาปรึกษาที่ TBL Clinic ได้เลย หมอจัดให้เต็มแม็กซ์ ปังตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : 095-291-6565

Facebook : TBL Clinic-ทู บีเลิฟ คลินิก

e-mail : [email protected]

LINE : @tblclinic