เคยมั้ย…ส่องกระจกทีไรเห็นแก้มห้อย หางตาตก แล้วเผลอถอนหายใจ? ถ่ายรูปก็ต้องหามุมเอียง 45° ให้หน้าเรียว ไม่งั้นคือไม่รอด! ข่าวดีคือ ตอนนี้มีวิธีแก้แบบปังๆ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัวเยอะ และได้ผลลัพธ์ที่ดู สวยละมุนเป็นธรรมชาติ สุดๆ
ร้อยไหม คือหนึ่งในหัตถการตัวท็อปที่สายบิวตี้เลือก เพราะช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้า และกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกัน แต่รู้มั้ยว่ามันมีหลายชนิด ทั้งไหมละลายและไหมไม่ละลาย แต่ละแบบให้ผลต่างกันไปเลย บทความนี้หมอจะพามา เจาะลึกทุกประเภทไหม ตั้งแต่วัสดุ, ลักษณะเส้น, ไปจนถึงเทคนิคการเลือกไหมที่ แมตช์กับปัญหาผิวของคุณ เตรียมจดไว้เลย เพราะอ่านจบ คุณจะรู้ว่าควรเลือกแบบไหนถึงจะ สวยปัง ปลอดภัย และอยู่ทนนาน
ร้อยไหม แบ่งเป็นกี่ประเภทหลัก?
ถ้าถามว่า ร้อยไหมมีกี่แบบ ? หมอตอบเลยว่า แบ่งใหญ่ๆ ได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ ไหมละลาย และ ไหมไม่ละลาย ซึ่งแตกต่างกันทั้งวัสดุและการคงผลลัพธ์
- ไหมละลาย (Dissolvable Thread)
เป็น ชนิดไหมร้อยหน้า ที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น PDO, PCL, PLLA ที่สามารถสลายไปเองได้ภายใน 8–18 เดือน ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัดเอาออก และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวกระชับขึ้นเรื่อยๆ
- ไหมไม่ละลาย (Non-Dissolvable Thread)
ทำจากวัสดุที่ไม่สลาย เช่น ไหมทองคำ หรือ ไหมโพลีเมอร์ ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แต่เสี่ยงการอักเสบ และหากมีปัญหาต้องผ่าตัดเอาออก
จากที่หมอได้อธิบายไปว่า ร้อยไหมมีกี่แบบ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ไหมละลาย และ ไหมไม่ละลาย หลายคนอาจยังสงสัยว่าทั้งสองชนิดนี้ต่างกันยังไงในเชิงลึก ทั้งเรื่องวัสดุที่ใช้ทำ ลักษณะการทำงาน และความปลอดภัย
เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้น เดี๋ยวหมอจะพาไปเจาะลึกทีละแบบว่า ไหมละลาย คืออะไร และ ไหมไม่ละลาย คืออะไร รวมถึงจุดเด่น ข้อควรระวัง และความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละชนิด ไปดูกันต่อเลยครับ
ไหมละลาย คืออะไร?
ไหมละลาย (Dissolvable Thread) คือเส้นไหมทางการแพทย์ที่ออกแบบมาให้สลายตัวได้เองตามธรรมชาติในร่างกาย โดยนิยมใช้ในหัตถการ ร้อยไหมหน้า เพื่อยกพยุงผิวที่หย่อนคล้อยและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง วัสดุที่ใช้ทำไหมละลาย เช่น PDO (Polydioxanone), PCL (Polycaprolactone) และ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) แต่ละชนิดต่างกันที่ระยะเวลาการสลายและความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจน โดยทั่วไปผลลัพธ์ของไหมละลายจะอยู่ได้ 8–18 เดือน ให้ผลที่เป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และไม่ต้องผ่าตัดเอาไหมออก
ไหมไม่ละลาย คืออะไร?
ไหมไม่ละลาย (Non-Dissolvable Thread) เป็นเส้นไหมที่ไม่สลายในร่างกาย ใช้เพื่อยกกระชับและพยุงผิวในระยะยาว วัสดุที่ใช้มักเป็น ไหมทองคำ (Gold Thread) หรือ ไหมโพลีเมอร์ชนิดพิเศษ ข้อดีคือผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าไหมละลาย เช่น การอักเสบ การเคลื่อนตัวของไหม หรืออาจต้องผ่าตัดเอาออกหากเกิดปัญหา ดังนั้นหมอจึงมักเลือกใช้ในเคสที่เหมาะสมเท่านั้น และต้องทำโดยแพทย์ที่ชำนาญเพื่อความปลอดภัยสูงสุดครับ
ไหมละลาย มีกี่แบบ? ต่างกันตรงไหน?
ไหมละลาย ที่ใช้ในหัตถการ ร้อยไหมหน้า มี 3 ชนิดหลักที่หมอใช้บ่อย ได้แก่ PDO, PCL และ PLLA ซึ่งต่างกันที่วัสดุ ระยะเวลาการสลาย และความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจน
- ไหม PDO ละลายไว เหมาะกับคนเริ่มทำครั้งแรก
- ไหม PCL ละลายช้ากว่า อยู่ได้นานขึ้น
- ไหม PLLA กระตุ้นคอลลาเจนแรงสุด เหมาะกับผิวที่เริ่มหย่อนมาก
แต่ละชนิดมีจุดเด่นเฉพาะตัว เดี๋ยวหมอจะพาไปเจาะลึกทีละแบบว่ามีข้อดีอะไร และเหมาะกับใครบ้าง ไปดูต่อในหัวข้อ ไหม PDO ไหม PCL และ ไหม PLLA กันเลยครับ
ไหม PDO
ไหม PDO คือ เส้นไหมทางการแพทย์ที่ทำจาก Polydioxanone วัสดุที่ร่างกายสามารถดูดซึมและสลายได้เองภายใน 6–8 เดือน แต่ผลการกระตุ้นคอลลาเจนจะคงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน ทำให้ผิวยังคงกระชับแม้ไหมละลายไปแล้ว
ไหม PDO เหมาะกับคนที่เริ่มทำร้อยไหมครั้งแรก หรือผู้ที่ต้องการยกกระชับเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ยกแก้ม ลดความหย่อนรอบกรอบหน้า ข้อดีคือปลอดภัย เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติสุดๆ หมอแนะนำว่าถ้าอยากหน้าเฟิร์มขึ้นแบบค่อยๆ ดูเด็กลงโดยไม่โป๊ะ ไหม PDO คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ครับ
ไหม PCL
ไหม PCL คือ เส้นไหมที่ทำจาก Polycaprolactone วัสดุเกรดพรีเมียมที่มีคุณสมบัติละลายช้ากว่า PDO ทำให้ผลการยกกระชับและการกระตุ้นคอลลาเจนอยู่ได้นานกว่า เฉลี่ย 12–18 เดือน หลังทำผิวจะค่อยๆ แน่นขึ้น เรียบเนียน และดูอ่อนวัยขึ้นแบบต่อเนื่อง
ไหม PCL เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนานและชัดเจนกว่า เช่น ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก หรือเคยร้อยไหมแล้วอยากอัปเกรดให้ปังขึ้น ข้อดีคือยกกระชับดี ผิวฟู และผลอยู่ทนกว่าประเภทอื่น หมอขอคอนเฟิร์มว่า ไหม PCL เป็นตัวเลือกที่คุ้มสำหรับสายที่อยากลงทุนครั้งเดียวแล้วได้ผลสวยนานครับ
ไหม PLLA
ไหม PLLA คือ เส้นไหมที่ทำจาก Poly-L-Lactic Acid วัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเข้มข้นและยาวนานที่สุดในบรรดาไหมละลายทั้งหมด ไหมชนิดนี้จะค่อยๆ สลายภายใน 18–24 เดือน แต่ผลลัพธ์การยกกระชับและฟื้นฟูผิวยังคงต่อเนื่องยาวนานเกิน 2 ปี
ไหม PLLA เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับมาก หรือผู้ที่ต้องการยกหน้าแบบจัดเต็มโดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อย ข้อดีคือให้ผิวฟู เนียน และเด้งขึ้นชัดเจนในระยะยาว หมอแนะนำว่า ถ้าอยากได้ผลที่ ยกแรง ติดทน และกระตุ้นผิวสุดๆ บอกเลยว่า ไหม PLLA คือคำตอบครับ
ไหมไม่ละลาย มีกี่แบบ? ใช้ในเคสไหน?
ไหมไม่ละลาย เป็นไหมร้อยหน้าที่ไม่สลายไปเอง ต้องอยู่ในร่างกายตลอดไป เว้นแต่จะผ่าตัดเอาออก ข้อดีคือผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าชนิดไหมละลาย หมอจะใช้ในเคสที่ต้องการยกกระชับแรงหรือคนที่ยอมรับความเสี่ยงได้
ชนิดไหมไม่ละลายที่ใช้บ่อย
- ไหมทองคำ (Gold Thread) เส้นไหมเคลือบทองคำ ช่วยกระตุ้นผิวให้ดูเปล่งปลั่ง ผลอยู่ทนแต่มีโอกาสอักเสบได้
- ไหม Gore-Tex ทำจากวัสดุโพลีเมอร์ที่แข็งแรง ใช้ยกแรง เหมาะกับผิวหย่อนมาก
- ไหม Silhouette Soft ไหมไม่ละลายที่มีกรวย (Cone) ช่วยล็อกและยกผิวได้ชัดเจน
ไหมไม่ละลาย เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนานมากกว่า 3–5 ปี หรือผู้ที่เคยทำไหมละลายแล้วรู้สึกว่ายังยกกระชับไม่พอ ต้องการความชัดเจนที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ยอมรับได้หากเกิดความเสี่ยง เช่น การอักเสบ การเคลื่อนตัวของไหม หรือการแก้ไขที่ซับซ้อนกว่าไหมละลาย สรุปแล้วก็คือถึงไหมประเภทนี้จะยกหน้าได้แรงและผลอยู่นานกว่า แต่มีความเสี่ยงสูง จึงควรทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้เทคนิคที่ปลอดภัยเท่านั้น เพื่อผลลัพธ์ที่สวยและลดปัญหาตามมาครับ
ลักษณะของเส้นไหมร้อยหน้าแต่ละชนิด เป็นยังไง?
เวลาพูดถึง เส้นไหมร้อยหน้า หลายคนอาจคิดว่าเหมือนกันหมด แต่จริงๆ แล้วไหมถูกออกแบบมาหลายแบบ เพื่อแก้ปัญหาผิวและให้ผลลัพธ์ต่างกันโดยเฉพาะ
- ไหมเงี่ยง (Cog Thread) มีเงี่ยงเล็กๆ คล้ายตะขอเรียงรอบเส้น ช่วยเกี่ยวและยึดผิวให้ยกขึ้นทันที เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยชัด เช่น บริเวณกรามหรือแก้ม
- ไหมเรียบ (Mono Thread) เส้นตรง ไม่มีเงี่ยง จุดเด่นคือกระตุ้นคอลลาเจนทั่วผิวหน้า ช่วยให้ผิวเนียน ฟู ดูละเอียดขึ้น เหมาะกับคนที่อยากฟื้นฟูผิวโดยไม่เน้นยกเยอะ
- ไหมเกลียว (Screw Thread) เส้นขดเป็นเกลียว ทำให้มีแรงดันเล็กๆ เพิ่มวอลลุ่มใต้ผิว เหมาะกับบริเวณที่ตอบหรือแบน เช่น แก้มที่ยุบ
- ไหมกรวย (Cone Thread) ดีไซน์พิเศษ มีกรวยซิลิโคนเล็กๆ ช่วยล็อกผิวแรงกว่าธรรมดา ยกได้ชัด ใช้กับการปรับจุด เช่น หางคิ้วหรือกรอบหน้า
ไหมร้อยหน้าทำมาจากวัสดุอะไร? ปลอดภัยแค่ไหน?
หลายคนอาจสงสัยว่า ไหมร้อยหน้า จริงๆ แล้วทำจากอะไร และจะปลอดภัยไหม? หมอขอเล่าแบบเข้าใจง่ายนะครับ ปัจจุบันไหมร้อยหน้ามีวัสดุหลายชนิด แต่ละแบบมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ทั้งความทน ความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจน และระยะเวลาที่อยู่ในผิว
- PDO (Polydioxanone) วัสดุสังเคราะห์ที่ละลายได้ในร่างกาย ปลอดภัยสูง ใช้ในวงการศัลยกรรมมานาน ผลยกกระชับอยู่ได้ราว 8–12 เดือน
- PCL (Polycaprolactone) ละลายช้ากว่า PDO อยู่ได้นาน 12–18 เดือน กระตุ้นคอลลาเจนได้ต่อเนื่อง ผิวจะดูแน่นขึ้นเรื่อยๆ
- PLLA (Poly-L-Lactic Acid) วัสดุที่กระตุ้นคอลลาเจนได้จัดเต็ม อยู่ได้นานสุดเกิน 18 เดือน เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน
- ไหมทองคำ (Gold Thread) ใช้ทองคำแท้ที่กระตุ้นผิวได้ดี แต่ไม่สลาย ต้องทำกับแพทย์ที่ชำนาญ
- ไหมโพลีเมอร์ (Non-absorbable Polymer) แข็งแรง อยู่ได้นานหลายปี แต่เสี่ยงอักเสบและแก้ไขยาก
วัสดุแบบไม่ละลาย มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
ไหมร้อยหน้าที่ทำจากวัสดุแบบไม่ละลาย เช่น ไหมทองคำ หรือไหมโพลีเมอร์ แม้จะให้ผลลัพธ์ยาวนานหลายปี แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากไหมชนิดนี้ไม่สลายไปเอง หากเกิดการอักเสบ เคลื่อนตัว หรือร่างกายเกิดการต่อต้าน จำเป็นต้องผ่าตัดเอาออก ซึ่งซับซ้อนกว่ามาก
อีกเรื่องที่ต้องพิจารณาคือ การใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานหรือทำกับแพทย์ที่ไม่ชำนาญ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดพังผืดได้ง่าย หมอแนะนำว่าถ้าจะเลือกไหมแบบไม่ละลาย ต้องทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้วัสดุที่ผ่าน อย. และดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดครับ
ปลายเข็มที่ใช้ร้อยไหม มีกี่แบบ? ต่างกันยังไง?
นอกจากชนิดของเส้นไหมแล้ว ปลายเข็มที่ใช้ร้อยไหม ก็มีผลต่อทั้งความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังทำ ปัจจุบันแบ่งหลักๆ เป็น 2 แบบ ที่หมอใช้กัน
- เข็มแหลม (Sharp Needle)
เข็มชนิดนี้ปลายแหลม สามารถเจาะผ่านผิวได้ง่าย ทำให้ร้อยไหมได้เร็วและแม่นยำ แต่เพราะปลายแหลมจึงมีโอกาสบาดหลอดเลือดหรือเส้นประสาทเล็กๆ ได้มากกว่า ทำให้เกิดรอยช้ำหรือบวมหลังทำได้บ้าง เหมาะในเคสที่ต้องการยกเฉพาะจุดหรือทำในตำแหน่งที่ควบคุมได้ดี - เข็มทู่ (Blunt Cannula)
ปลายเข็มโค้งมน ไม่แหลม ช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อระหว่างร้อยไหม จึงช้ำและบวมน้อยกว่า เหมาะกับเคสร้อยไหมหลายเส้น หรือร้อยในบริเวณที่มีเส้นเลือดเยอะ เช่น ใต้ตาหรือร่องแก้ม ข้อดีคือปลอดภัยขึ้น แต่ต้องใช้เทคนิคสูงและแพทย์ต้องมีประสบการณ์
สรุปง่ายๆ เข็มแหลม แม่นยำแต่ช้ำง่าย ส่วน เข็มทู่ ปลอดภัยกว่าแต่ต้องทำโดยหมอที่ชำนาญ ดังนั้นการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและเทคนิคของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัยที่สุดครับ
จะเลือกไหมแบบไหนดีให้เข้ากับปัญหาผิวของคุณ?
การ ร้อยไหมหน้า จะได้ผลสวยหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ฝีมือแพทย์ แต่การเลือกชนิดไหมก็สำคัญสุดๆ เพราะแต่ละแบบแก้ปัญหาผิวได้ต่างกัน
- ผิวหย่อนเล็กน้อย, ต้องการฟื้นฟูผิวให้เนียนเด้ง → เลือก ไหมเรียบ (Mono PDO) เน้นกระตุ้นคอลลาเจน ผิวละเอียดขึ้นแบบค่อยๆ เป็นธรรมชาติ
- ผิวเริ่มหย่อน กรอบหน้าไม่ชัด ต้องการยกเล็ก-กลาง → ไหมเงี่ยง PDO หรือ PCL ช่วยยกพยุงผิวทันที ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปีขึ้นไป
- ผิวหย่อนเยอะ อยากได้ผลยกแรงและอยู่ทน → ไหม PLLA หรือ ไหมกรวย (Cone Thread) ให้ผลยกชัดและกระตุ้นคอลลาเจนจัดเต็ม
- ต้องการผลยาวนานหลายปีและยอมรับความเสี่ยงได้ → ไหมไม่ละลาย เช่น ไหมทองคำ หรือ Silhouette Soft แต่ต้องทำกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น
บทความน่าสนใจ : ร้อยไหม คืออะไร ช่วยอะไรได้บ้าง?
ข้อดี – ข้อเสียของไหมแต่ละแบบที่ควรรู้
ก่อนร้อยไหม หมออยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ไหมร้อยหน้า มีทั้งแบบละลายและไม่ละลาย ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกัน
- ไหมละลาย (PDO, PCL, PLLA)
- ข้อดี: ปลอดภัยสูง เพราะร่างกายสามารถสลายไหมได้เอง, กระตุ้นคอลลาเจนต่อเนื่อง, ให้ผลยกกระชับที่เป็นธรรมชาติ, ฟื้นตัวไว
- ข้อเสีย ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 8–18 เดือน (ขึ้นกับชนิดไหม) และอาจต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
- ไหมไม่ละลาย (ไหมทองคำ, Gore-Tex, Silhouette Soft)
- ข้อดี ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี, ยกกระชับแรง เห็นผลชัดในเคสที่ผิวหย่อนมาก
- ข้อเสีย ความเสี่ยงสูงกว่า เช่น การอักเสบ พังผืด หรือไหมเคลื่อนตัว และหากต้องแก้ไขต้องผ่าตัดออก ซึ่งซับซ้อนกว่าไหมละลาย
สรุปว่า ร้อยไหมมีกี่แบบ ? เลือกให้ถูกเพื่อผลลัพธ์ที่ปังและปลอดภัย
ถ้ายังงงๆ ว่า ร้อยไหมมีกี่แบบ แล้วแบบไหนจะเหมาะกับหน้าของเรา? หมอบอกเลยว่ามีทั้ง ไหมละลาย ที่ปลอดภัย กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นตัวไว และ ไหมไม่ละลาย ที่ยกแรง อยู่ทน แต่เสี่ยงมากกว่า ถ้าเลือกผิดบอกเลยว่าไม่ปังแน่! เพราะฉะนั้นอย่ามั่วเดาเองค่ะซิส เลือกให้ถูกตั้งแต่แรกดีกว่า หมอแนะนำให้มาปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว วิเคราะห์ปัญหาผิวให้ตรงจุด และเลือกไหมที่แมตช์กับโครงหน้าเราแบบสุดๆ ใครที่อยากหน้าเฟิร์ม ยกกระชับสวยละมุนโดยไม่ต้องกลัวพลาด รีบจองคิวมาคุยกับหมอที่ TBL Clinic ได้เลยจ้า ที่นี่จัดเต็มทั้งเทคนิคและวัสดุมาตรฐาน ปลอดภัยสุดในย่าน BTS พระโขนง แล้วมาสวยปังแบบมั่นใจไปด้วยกันนะครับ
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ร้อยไหม มีกี่แบบ
- ร้อยไหมมีกี่แบบ?
ตอบ: มี 2 กลุ่มหลัก คือไหมละลาย (PDO, PCL, PLLA) และไหมไม่ละลาย (ไหมทองคำ, Silhouette Soft) - ไหมแต่ละชนิดทำจากอะไร?
ตอบ: ทำจากวัสดุสังเคราะห์ที่ปลอดภัย เช่น PDO หรือ PCL ผ่านมาตรฐาน อย. - ไหมละลายหรือไหมไม่ละลายแบบไหนดีกว่า?
ตอบ: ไหมละลายปลอดภัยกว่าและสลายเองได้ ส่วนไหมไม่ละลายผลอยู่ทนนานกว่าแต่เสี่ยงอักเสบ - ปลายเข็มมีผลต่อการร้อยไหมไหม?
ตอบ: มีผลต่อความช้ำและความปลอดภัย เข็มทู่จะลดการบาดเจ็บมากกว่า - จะรู้ได้ยังไงว่าแบบไหนเหมาะกับเรา?
ตอบ: ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินผิวและโครงหน้าเป็นรายบุคคล
TBL Clinic คลินิกความงามที่ตั้งอยู่ติด BTS พระโขนง เดินทางสะดวก พร้อมดูแลคุณด้วยมาตรฐานระดับสากล เรามีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้าและความงามครบวงจร ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้รับการอบรมเทคนิคหัตถการทั้งในและต่างประเทศ เลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนถูกต้องเท่านั้น
TBL Clinic อัพเดทเทรนด์ความงามและเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้าน Aesthetic อย่างต่อเนื่อง ให้บริการตั้งแต่ ร้อยไหม, ฟิลเลอร์, โบท็อกซ์ จนถึงหัตถการยกกระชับและปรับรูปหน้า ทุกเคสได้รับการวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาละมุน สวยธรรมชาติ และดึงเอกลักษณ์ที่ดีที่สุดของคุณออกมา
สามารถทักมาปรึกษาฟรีได้ที่ Line Official หรือ Inbox Facebook เพราะเรามุ่งเน้นให้คุณ สวยอย่างมั่นใจในแบบที่เป็นตัวเอง เลือกดูแลตัวเองที่ TBL Clinic แล้วคุณจะสัมผัสความต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Call Center : 095-291-6565
Facebook : TBL Clinic-ทู บีเลิฟ คลินิก
e-mail : [email protected]
LINE : @tblclinic