เลเซอร์ขนแบบไหนดีที่สุด? เปิดคู่มือเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ก่อนตัดสินใจทำ

เลเซอร์ขนมีกี่แบบ

หัวข้อ

หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Diode Laser, Nd:YAG Laser หรือ Alexandrite Laser แต่คงมีคำถามอยู่ในใจว่า… แล้ว เลเซอร์ขนแบบไหนดีที่สุด? ควรเลือกอย่างไรให้เหมาะกับสีผิว เส้นขน และบริเวณที่ต้องการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและปลอดภัยที่สุด

เพราะความจริงแล้ว แต่ละเครื่องมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน บางชนิดอาจเหมาะกับผิวขาว บางชนิดตอบโจทย์สำหรับผิวคล้ำ หรือบางเครื่องอาจช่วยลดความเจ็บได้ดีกว่า เพื่อไม่ให้คุณเลือกผิดจนเสียเวลาและเสียเงินโดยไม่จำเป็น บทความนี้หมอจะพาคุณมา เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละประเภทเลเซอร์ พร้อมแนะนำเทคนิคเลือกให้เหมาะกับตัวเอง ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์กำจัดขนครับ

เลเซอร์ขน คืออะไร ?

เลเซอร์ขน คือ การกำจัดขนด้วยเทคโนโลยีพลังงานแสงเลเซอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อทำลายรากขนโดยตรง โดยเลเซอร์จะปล่อยแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมให้พลังงานเข้าไปถูกดูดซับโดยเม็ดสีเมลานินในเส้นขน แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของขนใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีนี้ช่วยลดจำนวนและความหนาของเส้นขนในระยะยาว ทำให้ขนที่งอกขึ้นใหม่บางลง สีอ่อนลง หรืออาจไม่ขึ้นอีกเลยในบางกรณี ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและได้ผลดีกว่าการโกน ถอน หรือแว็กซ์ ช่วยลดปัญหาขนคุดและการระคายเคืองผิวได้อย่างชัดเจนครับ

เลเซอร์ขนมีกี่แบบ อะไรบ้าง ?

ในการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ ปัจจุบันมีหลายเทคโนโลยีให้เลือก ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติและความเหมาะสมที่แตกต่างกันไปตามสีผิวและลักษณะของเส้นขน ไม่ว่าจะเป็น Diode Laser, Nd:YAG Laser หรือ Alexandrite Laser เรามาทำความรู้จักกับการเลเซอร์ว่ามีกี่แบบกันมากให้มากขึ้น

เลเซอร์ขนด้วย Diode Laser

Diode Laser ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเลเซอร์กำจัดขนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติของคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วงประมาณ 800-810 นาโนเมตร ซึ่งออกแบบมาให้สามารถเจาะลึกไปถึงรากขนได้อย่างแม่นยำ ข้อดีของ Diode Laser คือสามารถใช้ได้กับ ทุกสีผิว โดยเฉพาะผู้ที่มี ผิวขาวถึงผิวโทนกลาง และขนสีเข้ม ซึ่งจะตอบสนองต่อพลังงานเลเซอร์ได้ดีที่สุด

อีกจุดเด่นของ Diode Laser คือมี ระบบทำความเย็นในตัว (Cooling System) ช่วยลดอาการระคายเคืองและปกป้องผิวในขณะทำ จึงทำให้ขณะทำรู้สึกสบายกว่าเครื่องเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ และลดโอกาสเกิดรอยไหม้หรือผิวแดงได้ดี นอกจากนี้ ยังเป็นเทคโนโลยีที่ ปลอดภัยและผ่านการรับรองมาตรฐานสากล เช่น FDA และ CE Mark สำหรับผู้ที่มองหาวิธี กำจัดขนในระยะยาวอย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องโกนหรือถอนซ้ำ ๆ Diode Laser จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของผลลัพธ์ ความแม่นยำ และความอ่อนโยนต่อผิวครับ

กำจัดขนด้วย IPL (Intense Pulsed Light) 

การกำจัดขนด้วย IPL (Intense Pulsed Light) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนคุ้นเคย ซึ่งแม้จะไม่ใช่เลเซอร์แท้ แต่เป็นการใช้แสงความเข้มข้นสูงในช่วงคลื่นกว้าง (ประมาณ 500-1200 นาโนเมตร) เพื่อส่งพลังงานลงไปถึงเม็ดสีเมลานินในเส้นขน ช่วยชะลอการเจริญเติบโตของขนใหม่

จุดเด่นของ IPL คือ ราคาย่อมเยา และเหมาะกับการทำในพื้นที่กว้าง เช่น ขา หรือแขน แต่ข้อจำกัดคือพลังงานจะกระจายมากกว่าเลเซอร์ชนิดเฉพาะ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำลายรากขน อาจไม่แม่นยำเท่าเลเซอร์แท้ อย่าง Diode หรือ Nd:YAG จึงมักต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เหมาะกับผู้ที่มี ผิวขาวและขนสีเข้ม แต่ถ้าผิวคล้ำหรือขนบาง อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน ดังนั้น ก่อนเลือกทำ IPL ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมของสภาพผิวและขนอย่างละเอียดครับ

เลเซอร์ขนด้วย YAG Laser (Laser Long Pulse ND Yag)

การกำจัดขนด้วย YAG Laser (Long Pulse Nd:YAG) เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาขนในผู้ที่มี ผิวโทนเข้มหรือผิวสองสี โดยเฉพาะ ด้วยความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงลึกถึงรากขนได้ดี โดยไม่ถูกรบกวนจากเม็ดสีเมลานินในผิว จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิด ผิวไหม้หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ ที่มักพบในคนผิวคล้ำเมื่อใช้เลเซอร์ชนิดอื่น

YAG Laser มีข้อดีคือสามารถใช้กำจัดขนในบริเวณที่เข้าถึงยาก เช่น รักแร้ บิกินี่ไลน์ หรือจุดซ่อนเร้น ได้อย่างปลอดภัย แม้ในพื้นที่ที่ขนหนาและสีเข้ม อย่างไรก็ตาม อาจรู้สึกเจ็บกว่าการใช้ Diode Laser เล็กน้อย และต้องอาศัยการตั้งค่าพลังงานที่เหมาะสมด้วยครับ

เลเซอร์ขนด้วย Long Pulsed Ruby Laser

Long Pulsed Ruby Laser เป็นหนึ่งในเลเซอร์รุ่นแรก ๆ ที่นำมาใช้ในงานกำจัดขน ด้วยความยาวคลื่น 694 นาโนเมตร ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มี ผิวขาวและขนสีเข้ม เพราะเม็ดสีเมลานินในเส้นขนจะดูดซับพลังงานได้ดี ส่งผลให้การทำลายรากขนมีประสิทธิภาพสูง

อย่างไรก็ตาม Ruby Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มี ผิวคล้ำหรือผิวสองสี เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรือผิวไหม้ได้ง่าย นอกจากนี้ ในปัจจุบัน Ruby Laser อาจได้รับความนิยมน้อยกว่า Diode หรือ YAG Laser เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องของความปลอดภัยและการรองรับสีผิวที่หลากหลาย แต่ก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่ดีในกรณีของผู้ที่มีผิวขาวจัดและขนดำชัดเจนครับ

เลเซอร์ขนด้วย Long Pulsed Alexandrite Laser

Long Pulsed Alexandrite Laser เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีเลเซอร์กำจัดขนที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่มี ผิวขาวถึงผิวโทนกลาง ด้วยความยาวคลื่น 755 นาโนเมตร ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงรากขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นจับเม็ดสีเมลานินในเส้นขนได้ดี จึงช่วยลดจำนวนขนและทำให้ขนที่ขึ้นใหม่บางลงเรื่อยๆ

เลเซอร์ชนิดนี้มักถูกเลือกใช้ในบริเวณที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น แขน ขา หรือหลัง ข้อดีคือสามารถทำงานได้รวดเร็วในพื้นที่กว้าง แต่สำหรับผู้ที่มีผิวคล้ำอาจต้องระวัง เนื่องจากมีโอกาสเกิดการระคายเคืองหรือรอยดำมากกว่าเลเซอร์ชนิดอื่นๆ ดังนั้นจึงควรประเมินโดยแพทย์ก่อนเข้ารับบริการครับ

เลเซอร์ขนแบบไหนดี? ต้องโปรแกรมเลเซอร์ขน Diode Laser ที่ TBL Clinic

หากพูดถึงการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ในปัจจุบัน หลายคนอาจสงสัยว่า เลเซอร์ขนแบบไหนดี? จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจอย่างกว้างขวางคือ Diode Laser ซึ่งเป็นเครื่องเลเซอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการกำจัดขน โดยมีจุดเด่นที่ ความยาวคลื่น 800-810 นาโนเมตร ที่สามารถลงลึกถึงรากขนได้อย่างแม่นยำ แต่ยังคงอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง

Diode Laser มีความพิเศษตรงที่สามารถใช้ได้กับ ทุกสีผิว แม้ผิวคล้ำก็ทำได้อย่างปลอดภัย ลดโอกาสการเกิดขนคุด ผิวไหม้ หรือรอยดำ พร้อมทั้งมี ระบบ Cooling System ที่ช่วยปกป้องผิวและลดอาการเจ็บขณะทำ ที่ TBL Clinic เราเลือกใช้เฉพาะ Diode Laser แท้ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก FDA และ CE Mark พร้อมมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินและดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเห็นผลจริงครับ

รีวิวโปรแกรมเลเซอร์ขน Diode Laser ที่ TBL Clinic

 

เลเซอร์ขนทำกี่ครั้งเห็นผล ?

หลายคนอาจสงสัยว่า เลเซอร์ขนต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผลจริง? คำตอบคือ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ไม่ใช่การทำเพียงครั้งเดียวแล้วขนจะหมดไปทั้งหมด เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นขนมีทั้งระยะเจริญเติบโต (Anagen) ระยะพัก (Catagen) และระยะหลุดร่วง (Telogen) ซึ่งเลเซอร์จะได้ผลดีที่สุดในระยะที่ขนกำลังเติบโต เพราะเป็นช่วงที่มีเมลานินมากที่สุดในรากขน

โดยทั่วไปแล้ว ควรทำต่อเนื่องประมาณ 5-8 ครั้ง เว้นระยะห่างกัน 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อจับขนในแต่ละรอบของการเจริญเติบโตให้ครบทุกชุด ทั้งนี้จำนวนครั้งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องสีขน ความหนาแน่นของขน และตำแหน่งที่ทำครับ

เลเซอร์กำจัดขนมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?

การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะช่วยลดขนได้ในระยะยาว แต่ก่อนตัดสินใจ หมอขอแนะนำให้ทำความเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ก่อน เพื่อให้เลือกได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของตัวเองครับ

ข้อดีของการเลเซอร์กำจัดขน

  1. ขนขึ้นช้าลงและบางลงเรื่อยๆ เลเซอร์ทำลายรากขนโดยตรง ลดปริมาณขนใหม่ที่ขึ้นจนแทบไม่ต้องโกนหรือถอนซ้ำบ่อย ๆ
  2. ลดปัญหาขนคุดและการอักเสบของรูขุมขน ช่วยแก้ปัญหาตุ่มหนังไก่ รูขุมขนอุดตัน หรือขนคุดที่มักเกิดจากการโกนหรือถอน
  3. ให้ผลลัพธ์ยาวนาน ประหยัดเวลาในระยะยาว ไม่ต้องดูแลขนทุกวันเหมือนวิธีอื่น ๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
  4. ปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ลดความเสี่ยงของผิวไหม้หรือผลข้างเคียง หากเลือกทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่องเลเซอร์แท้

ข้อเสียของการเลเซอร์กำจัดขน

  1. ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง (5-8 ครั้ง) เพราะเลเซอร์ทำงานกับขนในระยะเจริญเติบโตเท่านั้น ต้องเว้นระยะห่างระหว่างครั้ง
  2. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีชั่วคราว ราคาต่อครั้งสูงกว่าการโกนหรือแว็กซ์ แต่ถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว
  3. อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยแดงหรืออาการระคายเคืองชั่วคราวหลังทำ ซึ่งมักหายภายใน 1-2 วัน
  4. ขนสีขาวหรือสีอ่อนมากอาจไม่ตอบสนองดี เพราะเลเซอร์จับกับเม็ดสีเมลานินในรากขน หากไม่มีเม็ดสี การรักษาอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรครับ

เลเซอร์ขนที่ไหนดี ?

การเลือกสถานที่ทำเลเซอร์ขนถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการกำจัดขนด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องอาศัยทั้งเครื่องมือที่ได้มาตรฐานและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการประเมินผิวและเส้นขนของแต่ละคนโดยเฉพาะ คลินิกที่ดีควรมี ใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง ใช้เครื่องเลเซอร์แท้ที่ผ่านการรับรอง เช่น Diode Laser หรือ Nd:YAG Laser พร้อมมีทีมแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่การวางแผนรักษาไปจนถึงการดูแลหลังทำอย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเห็นผลจริงครับ