เลขที่ ฆสพ./สบส 1536/2568

TBL Clinic

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยลดใต้ตาคล้ำจริงไหม ราคาเท่าไหร่ ฉีดยี่ห้อไหนดี อันตรายรึเปล่า ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

หัวข้อ

ใต้ตาคล้ำ ดูโทรมเหมือนนอนน้อย ทั้งที่จริงนอนครบ 8 ชั่วโมงแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหานี้ครับ จริงๆ แล้วฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่หมอใช้ช่วยฟื้นฟูใต้ตาให้ดูสดใสขึ้นได้แบบไม่ต้องผ่าตัด เพราะสาร Hyaluronic Acid (HA) จะช่วยเติมเต็มร่องลึก ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูอิ่มฟูขึ้น ลดความหมองและเงาที่เกิดจากแสงสะท้อน ซึ่งเป็นต้นเหตุของใต้ตาคล้ำ ที่หลายคนกังวล

แต่ก่อนจะตัดสินใจฉีด หมออยากให้เข้าใจทั้งเรื่อง ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับใต้ตา ช่วงราคา และ ความปลอดภัยเพราะไม่ใช่ทุกฟิลเลอร์จะเหมาะกับทุกคน การเลือกยี่ห้อและเทคนิคที่ถูกต้องคือหัวใจสำคัญของผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยครับเพราะบางครั้ง… การดูสดใสขึ้น ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนเพิ่ม แค่เลือกฉีดให้ถูกที่ ถูกมือ ก็เปลี่ยนลุคให้ดูสดชื่นเหมือนนอนเต็มอิ่มทุกวันได้เลยครับ

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือการฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปบริเวณใต้ตา เพื่อช่วยแก้ปัญหาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ และผิวดูโทรมจากการพักผ่อนน้อยหรือคอลลาเจนเสื่อมตามวัยครับ สาร HA เป็นองค์ประกอบที่ร่างกายเรามีอยู่แล้ว จึงมีความเข้ากันได้สูงและสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ

เทคนิคนี้ไม่ได้แค่เติมเต็มให้ร่องลึกตื้นขึ้น แต่ยังช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ เงานุ่ม และสดใสขึ้นเหมือนนอนครบ 8 ชั่วโมงทุกวัน หมอจะเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเนียนละเอียดและกระจายตัวดี เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเรียบเนียนไม่โป่งหรือเป็นก้อน ในยุคนี้ฟิลเลอร์ใต้ตาถือเป็นตัวช่วยยอดฮิตของสาย work hard – play harder ที่อยากดูสดใสตลอดวัน โดยไม่ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์หนาๆ ทุกเช้าเลยครับ

ทำไมถึงต้อง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?

ผิวบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่บอบบางและมีแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลงตามวัย เช่น การสูญเสียเนื้อเยื่อและคอลลาเจน การยุบตัวของผิวหนังใต้ตา และการเกิดร่องลึก ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและมีอายุเพิ่มขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยช่วยทดแทนเนื้อเยื่อและคอลลาเจนที่สลายไป ทำให้ร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้น เติมเต็มบริเวณที่ยุบตัวให้กลับมาเต่งตึงและสดใสอีกครั้ง

นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายังสามารถช่วยแก้ปัญหาอื่น ๆ เช่น ลดความหมองคล้ำใต้ตา ช่วยปรับสมดุลของใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ และเสริมความมั่นใจให้กับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานอกจากจะต้องคำนึงถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหวังและปลอดภัยสูงสุด

ปัญหาใต้ตา เกิดจากสาเหตุใด ?

ปัญหาใต้ตาเป็นหนึ่งในปัญหาด้านความงามและสุขภาพที่พบบ่อยในทุกเพศและทุกวัย สาเหตุของปัญหาใต้ตานั้นมีหลากหลายและสามารถแบ่งออกได้เป็นปัจจัยทางกายภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนี้

  1. ความผิดปกติของระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง
    • ระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ไขมันและของเหลวสะสมบริเวณผิวหนังใต้ตา ส่งผลให้เกิดอาการบวม หรือนูน
  2. โครงสร้างผิวหนังบริเวณใต้ตา
    • ผิวหนังใต้ตามีความบางและไวต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้การสะสมของของเหลวและไขมันเด่นชัดมากขึ้น
  3. พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
    • การขยี้ตา หรือการร้องไห้บ่อยครั้ง
    • การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการใช้สายตาอย่างหนัก
    • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
    • การรับประทานอาหารรสเค็มจัด ทำให้เกิดการกักเก็บของเหลวในร่างกาย
  4. ปัญหาจากการแพ้สารหรือสิ่งแวดล้อม
    • การแพ้สารบางชนิด เช่น ฝุ่นละอองหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
    • การอักเสบหรือติดเชื้อในบริเวณใต้ตา

วิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอย

ปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา และริ้วรอยรอบดวงตา สามารถแก้ไขได้ด้วยหลากหลายวิธี ทั้งการดูแลตนเองและการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้

  1. หาสาเหตุที่แท้จริง การวินิจฉัยสาเหตุ เช่น ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือโรคภูมิแพ้ ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันช่วยลดความหมองคล้ำใต้ตาและเพิ่มความสดใสให้ใบหน้า
  3. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ารฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ยุบตัว ทำให้ร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดถุงใต้ตาและทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  4. ฉีดเมโสลดใต้ตาดำ การฉีดเมโสช่วยลดเม็ดสีส่วนเกินบริเวณใต้ตาและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  5. ใช้อายครีมช่วยฟื้นบำรุง การใช้อายครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน C หรือเปปไทด์ช่วยฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอย
  6. แต่งหน้าและประคบเย็น ใช้คอนซีลเลอร์แต่งหน้าปกปิดรอยคล้ำใต้ตา หรือประคบเย็นช่วยลดอาการบวม
  7. นวดกระตุ้นการไหลเวียน การนวดเบา ๆ รอบดวงตาช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดการสะสมของของเหลว
  8. พอกสมุนไพรธรรมชาติ การใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น แตงกวา หรือชาเขียว สามารถลดรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างอ่อนโยน

ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยอะไรบ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาหลากหลายด้านเกี่ยวกับความงามและโครงสร้างใต้ตาอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  1. แก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา
    • ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อในบริเวณฐานกระดูกใต้ตาและทดแทนไขมันที่สูญเสียไปตามวัย ส่งผลให้ร่องน้ำตาและร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสมากยิ่งขึ้น
  2. ลดความคล้ำใต้ตา
    • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยยกชั้นผิวให้ห่างจากหลอดเลือดใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำใต้ตา ช่วยปรับสีผิวบริเวณใต้ตาให้สว่างใสและมีสุขภาพดี
  3. แก้ปัญหาตาลึกโหล
    • สำหรับผู้ที่มีปัญหาตาลึกโหล การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มพื้นที่บริเวณใต้ตาและด้านบนตาเพื่อคืนความสมดุลของโครงสร้างใบหน้า
  4. ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
    • ฟิลเลอร์ช่วยคืนความเต่งตึงให้กับผิวใต้ตาที่เหี่ยวย่นและยุบตัว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและไขมัน
  5. ลดถุงใต้ตา
    • การเติมฟิลเลอร์ช่วยปรับสมดุลของเนื้อเยื่อใต้ตา ทำให้ถุงใต้ตาดูเล็กลงและช่วยเสริมความกระชับให้แก่ผิว

วิธีการทำงานของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับใต้ตาส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งสามารถจับกับน้ำในชั้นผิวได้ดี ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เต่งตึง และเป็นธรรมชาติ เพระาในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เพียงช่วยเสริมความงาม แต่ยังช่วยคืนความมั่นใจให้กับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาอย่างแท้จริง

ถุงใต้ตาแบบไหนไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการยอดนิยมในการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยใต้ตา อย่างไรก็ตาม มีลักษณะของถุงใต้ตาบางประเภทที่ไม่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งได้แก่

  1. ถุงใต้ตาที่มีลักษณะบวมจากไขมันส่วนเกินมาก
    • ในกรณีที่มีการสะสมของไขมันใต้ตามากเกินไป การฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้บริเวณใต้ตาดูบวมมากขึ้น และอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ในกรณีนี้ การผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตาอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
  2. ถุงใต้ตาที่เกิดจากการคั่งของน้ำเหลือง
    • หากถุงใต้ตาเกิดจากความผิดปกติของระบบน้ำเหลือง การฉีดฟิลเลอร์อาจไม่ช่วยแก้ปัญหา เนื่องจากต้นเหตุเป็นปัญหาภายในระบบการไหลเวียน
  3. ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาจากอาการแพ้หรืออักเสบ
    • หากใต้ตาบวมแดงหรืออักเสบจากอาการแพ้หรือการติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์จนกว่าปัญหาจะได้รับการรักษา
  4. ถุงใต้ตาในผู้ที่มีโครงสร้างกระดูกไม่สมดุล
    • หากโครงสร้างกระดูกบริเวณเบ้าตาไม่สมดุล เช่น เบ้าตาตื้น การฉีดฟิลเลอร์อาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะแก่ใคร ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการแก้ปัญหายอดนิยมในด้านความงามและการปรับโครงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะปัญหาดังต่อไปนี้

  1. ปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยใต้ตา ผู้ที่มีร่องลึกหรือริ้วรอยที่เห็นได้ชัด การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มชั้นผิวหนังใต้ตาให้ดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
  2. ถุงใต้ตาและขอบตาดำ สำหรับผู้ที่มีถุงใต้ตาหรือน้ำเหลืองคั่งที่ทำให้เกิดขอบตาดำ ฟิลเลอร์สามารถยกผิวและช่วยลดการมองเห็นความคล้ำได้
  3. ตาลึกและตาโหล ผู้ที่มีลักษณะเบ้าตาลึกหรือตาโหล ฟิลเลอร์จะช่วยเติมฐานกระดูกและทดแทนไขมันที่สูญเสียไป
  4. ไม่อยากเจ็บตัวหรือผ่าตัด หมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องเสี่ยงการผ่าตัดหรือพักฟื้นยาวนาน
  5. ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลทันที การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาเพียงไม่นานและสามารถเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่อันตรายครับ ถ้าทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ ฟิลเลอร์แท้ที่มี อย. เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีเส้นเลือดและเนื้อเยื่อบอบบาง ต้องอาศัยเทคนิคในการฉีดที่แม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงการบวม หรือเกิดรอยช้ำ โดยทั่วไปฟิลเลอร์ที่ใช้จะเป็นชนิด Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หากเกิดปัญหายังสามารถฉีด Hyaluronidase ละลายออกได้ทันที สิ่งสำคัญคืออย่าเลือกฉีดกับร้านที่ไม่มีแพทย์หรือใช้ของไม่แท้ เพราะอาจเสี่ยงอุดตันเส้นเลือดหรือเกิดก้อนใต้ตาได้ การปรึกษาและวางแผนกับหมอก่อนฉีดทุกครั้งจะช่วยให้ผลลัพธ์ดูปลอดภัย เรียบเนียน และเป็นธรรมชาติแบบ soft look ที่คนรุ่นนี้ชอบครับ

วิธีลดความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  1. ตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง
  2. เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียง มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง
  3. ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในเทคนิคการฉีด
  4. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา เลือกแบบไหนดี ?

หลายคนที่มีปัญหาใต้ตาลึก หมอง หรือดูโทรม มักลังเลระหว่าง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กับ ฉีดไขมันใต้ตา ว่าวิธีไหนเหมาะกับตัวเองมากกว่า ทั้งสองเทคนิคมีเป้าหมายเดียวกันคือช่วยเติมเต็มร่องใต้ตาให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น แต่มีจุดต่างสำคัญในด้านวัสดุ ขั้นตอน และผลลัพธ์ที่ได้ หมอเลยสรุปให้เห็นภาพง่าย ๆ ในตารางนี้ครับ

รายการเปรียบเทียบ ฟิลเลอร์ใต้ตา (Hyaluronic Acid) ฉีดไขมันใต้ตา (Fat Grafting)
วัสดุที่ใช้ สาร Hyaluronic Acid (HA) ที่สังเคราะห์ขึ้นและปลอดภัยสูง ไขมันของเราเอง ดูดจากต้นขาหรือหน้าท้อง
ความปลอดภัย ปลอดภัยสูง สลายได้เองตามธรรมชาติ และสามารถฉีดสลายได้ ปลอดภัย แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพไขมันและเทคนิคแพทย์
ระยะเวลาพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ทันทีหลังทำ อาจมีรอยเข็มเล็กน้อย ต้องพักฟื้น 3–7 วัน อาจมีรอยบวมจากการดูดไขมัน
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8–18 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อและเทคนิค อยู่ได้นานหลายปี หากไขมันติดดีประมาณ 50–70%
ความเหมาะสม เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ใต้ตาคล้ำหรือร่องตาตื้น ๆ เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึกมากหรืออยากปรับโครงหน้าร่วมด้วย
งบประมาณโดยประมาณ 9,000 – 20,000 บาท (ต่อ 1 ซีซี) 25,000 – 50,000 บาท (รวมดูดไขมัน)

โดยรวมแล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น และอยากปรับความสดใสแบบเป็นธรรมชาติ ส่วนฉีดไขมันจะเหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและมีปัญหาโครงหน้าลึกมาก หมอแนะนำให้ปรึกษาก่อนทุกครั้งเพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกวิธีที่เหมาะกับคุณจริงๆ เพราะใต้ตาที่ดูดี ไม่ได้อยู่ที่ว่าเลือกวิธีไหน แต่เลือกอย่างเข้าใจ มากกว่าครับ

ฉีดดอลลี่อาย กับ ฟิลเลอร์ใต้ตา ต่างกันอย่างไร ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและการฉีดดอลลี่อาย เป็นหัตถการที่แตกต่างกัน แม้จะอยู่ในบริเวณรอบดวงตาเหมือนกัน แต่มีจุดประสงค์และเทคนิคที่ต่างกัน

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา เน้นแก้ไข ร่องใต้ตาลึก ความหมองคล้ำ และ ความหย่อนคล้อย ซึ่งทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มให้ร่องใต้ตาดูเรียบเนียน อิ่มฟู และสดใสขึ้น
  • ดอลลี่อาย (Dolly Eye Filler) เป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่ขอบตาล่าง ใกล้แนวขนตา เพื่อสร้างมิติให้มีถุงใต้ตาเล็กๆ คล้ายกับตาของตุ๊กตา ทำให้ดวงตาดูโตขึ้น และใบหน้าดูเด็กลง

ข้อแตกต่างหลัก

  • จุดฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาฉีดลึกในชั้นผิวใต้ตา ส่วนดอลลี่อายฉีดบริเวณขอบตาล่าง
  • เป้าหมาย ฟิลเลอร์ใต้ตาเน้นแก้ปัญหาร่องลึก ส่วนดอลลี่อายเน้นเสริมให้ดวงตาดูแบ๊วและสดใส
  • ปริมาณที่ใช้ ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับความลึกของร่อง ส่วนดอลลี่อายใช้เพียง 0.5-1 cc ต่อข้าง

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ? 

เวลาพูดถึง ฟิลเลอร์ใต้ตา หมอมักจะได้ยินคำถามว่า หมอครับ ใช้ยี่ห้อไหนดีถึงจะไม่เป็นก้อน ดูเนียน และอยู่ได้นาน คำตอบคือ ต้องเลือกฟิลเลอร์ที่มี คุณสมบัติเนื้อนุ่ม ละเอียด กระจายตัวดี และผ่าน อย.ไทยเท่านั้น เพราะใต้ตาเป็นบริเวณที่ผิวบางและเคลื่อนไหวเยอะ หมอเลยอยากแนะนำฟิลเลอร์ที่นิยมใช้จริงในคลินิก โดยเหมาะกับแต่ละเคสแตกต่างกันครับ

ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่หมอแนะนำสำหรับฉีดใต้ตา

  • Restylane Eyelight (สวีเดน) – รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อใต้ตาโดยเฉพาะ เนื้อนุ่ม ปรับแสงเงาใต้ตาให้ดูสดใสขึ้น ลดความคล้ำได้ชัด

  • Juvederm Volbella / Volite (อเมริกา) – เนื้อฟิลเลอร์ละเอียดมาก กระจายตัวดี เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติสูงและผลลัพธ์ผิวเนียนแบบ glass-skin

  • Neuramis Deep (เกาหลี) – ตัวนี้เนียนละเอียดและราคาย่อมเยา เหมาะกับคนวัยทำงานที่ต้องการเติมร่องใต้ตาให้ดูตื่นสดใสแต่ยังเป็นลุคธรรมชาติ

  • E.P.T.Q S100 (เกาหลี) – ฟิลเลอร์เนื้อเนียน มีเทคโนโลยี 8 Point Cross-link ทำให้คงรูปได้ดี เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึกแต่ไม่อยากให้โป่ง

  • Definisse Touch (อิตาลี) – จุดเด่นคือยกกระชับและเนื้อคงตัวดี เหมาะกับคนที่มีร่องใต้ตาชัดและผิวบาง

โดยทั่วไปหมอจะเลือกฟิลเลอร์ให้ตามสภาพผิว โครงหน้า และงบของแต่ละคน เช่น ถ้าอยากได้ลุคละมุนใสแบบเกาหลี Neuramis ก็เหมาะ แต่ถ้าต้องการความหรูหราและอยู่ทนนาน Restylane หรือ Juvederm จะตอบโจทย์กว่า ท้ายที่สุด ไม่ว่ายี่ห้อไหนจะดีที่สุดก็ต่อเมื่อฉีดถูกจุด ถูกชั้นผิว และใช้ฟิลเลอร์แท้ เพราะใต้ตาไม่ใช่แค่เรื่องความสวย แต่คือสมดุลของความมั่นใจและความปลอดภัยในระยะยาวครับ

หากคุณกำลังคิดจะ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อคืนความสดใสให้ใบหน้า แต่ยังไม่แน่ใจว่ายี่ห้อไหนหรือปริมาณเท่าไหร่เหมาะกับคุณ หมอแนะนำให้เข้ามาปรึกษาฟรีก่อนครับ เพราะใต้ตาแต่ละคนมีโครงสร้างต่างกัน การวางแผนที่แม่นยำคือกุญแจสำคัญของผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย

💬 ปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่
LINE Official: @TBLCLINIC หรือ Inbox Facebook: TBL Clinic

เพราะผิวใต้ตาที่ดูสดใส ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ แต่อยู่ที่การดูแลด้วยวิธีที่เหมาะกับคุณครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ถึงเห็นผล ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาร่องลึก ถุงใต้ตา หรือใต้ตาคล้ำ โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณ 0.5-1 CC ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของร่องและสภาพผิวของแต่ละบุคคล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปัญหาและเลือกปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและสมดุล หากร่องลึกมาก อาจต้องการปริมาณฟิลเลอร์เพิ่มขึ้น การเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการ

ไขข้อสงสัยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันถึงเห็นผล อาการบวม เป็นก้อนเกิดจากอะไร ?

หลายๆ ท่านอาจจะมีความสงสัยว่าหลังจากที่เราฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว กี่วันถึงเห็นผล ? อาการบวม เป็นก้อนเกิดจากอะไร ? แล้วทำให้ตาบอดจริงหรือไม่ ? วันนี้รวมข้อมูลแนะนำให้ท่านได้อ่านเพื่อคลายข้อสงสัยกันครับ 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ส่วนใหญ่จะเห็นผลทันทีประมาณ 70–80% ครับ เพราะสาร Hyaluronic Acid (HA) จะเข้าไปเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ดูอิ่มฟูขึ้นทันที แต่ผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดภายใน 7–14 วันหลังฉีด เมื่อฟิลเลอร์เซ็ตตัวเข้ากับชั้นผิวและอาการบวมจางลง ผิวบริเวณใต้ตาจะดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนได้พักผ่อนเต็มอิ่ม ส่วนระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและเทคนิคการฉีด โดยเฉลี่ยอยู่ได้ประมาณ 8–18 เดือน หมอแนะนำให้กลับมาตรวจเช็กซ้ำหลังทำ 2 สัปดาห์เพื่อประเมินความสมดุลและปรับแต่งเล็กน้อยหากจำเป็นครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการบวมหรือรอยเข็มเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติครับ โดยทั่วไปอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 3–5 วัน และเข้าสู่สภาวะปกติเต็มที่ภายใน 1–2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว เทคนิคการฉีด และการดูแลหลังทำของแต่ละคน หมอมักแนะนำให้ประคบเย็นเบาๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก และหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณใต้ตา เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดีขึ้น เมื่อผ่านช่วงบวมไปแล้ว ใต้ตาจะเริ่มดูเรียบเนียน สดใส และเป็นธรรมชาติขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนพักผ่อนเพียงพอตลอดสัปดาห์ครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ?ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร ? แก้ไขได้ไหม ?  

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจทำให้เกิดอาการบวมเล็กน้อยซึ่งโดยปกติจะลดลงภายใน 1-3 วัน และหายสนิทภายใน 7 วัน หากดูแลตามคำแนะนำแพทย์ เช่น ประคบเย็นและหลีกเลี่ยงการนวดบริเวณใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  1. การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตา
  2. เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ
  3. ปฏิกิริยาของร่างกาย เช่น การกักเก็บน้ำในเนื้อเยื่อบริเวณฉีด

สามารถการแก้ไขได้ โดยการฉีดสารไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินวิธีแก้ไขที่เหมาะสมตามปัญหาของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดจริงไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีความเสี่ยงที่อาจทำให้ตาบอดได้หากฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในหลอดเลือดและกระแสเลือดนำสารเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดที่เชื่อมกับดวงตา อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ถือว่าเกิดขึ้นได้ยากมาก โดยเฉพาะในกรณีที่ทำการฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง และปฏิบัติตามเทคนิคที่ถูกต้อง

การป้องกันความเสี่ยง ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านการรับรอง และเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการประเมินโครงสร้างใบหน้าและหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยง นอกจากนี้ แพทย์จะต้องมีการตรวจสอบประวัติสุขภาพของคนไข้และใช้เทคนิคการฉีดอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน สรุปได้ว่าแม้ว่าความเสี่ยงของการตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์จะมี แต่สามารถลดโอกาสเกิดได้มากหากเลือกสถานที่และแพทย์ที่เหมาะสม

การปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การเตรียมตัวและดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน ต่อไปนี้คือคำแนะนำที่ควรปฏิบัติ

การปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  1. งดรับประทานยาและอาหารเสริมบางชนิด หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้เลือดไหลเวียนง่าย เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา หรืออาหารเสริมอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มโอกาสการเกิดรอยช้ำ ควรงดก่อนฉีดประมาณ 1 สัปดาห์
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับเพียงพอช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำหรือบวม
  3. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ก่อนฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการฟื้นตัวของผิวหนัง

การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  1. หลีกเลี่ยงความร้อนสูง งดการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนต่อผิวในบริเวณใต้ตาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด
  2. งดนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
  3. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม หากมีอาการบวมเล็กน้อย ให้ใช้ผ้าสะอาดประคบเย็นบริเวณรอบดวงตา
  4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวและส่งเสริมผลลัพธ์ของฟิลเลอร์

ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ควรรู้

การปฏิบัติตนหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้อย่างเหมาะสมและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยมีข้อห้ามที่ควรระวังดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการกดหรือนวดบริเวณใต้ตา ห้ามสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์และผลกระทบต่อผลลัพธ์
  2. งดการสัมผัสความร้อนสูง หลีกเลี่ยงการซาวน่า การอบไอน้ำ หรือการอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนโลหิต การออกกำลังกายหนัก การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ควรงดในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำและบวม
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง งดการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA หรือเรตินอลบริเวณใต้ตาในช่วง 3-5 วันแรก เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อผิว

อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ ครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ TBL Clinic ดีอย่างไร ?

การเลือกสถานที่สำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการ TBL Clinic เป็นหนึ่งในคลินิกที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  1. ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและความชำนาญสูง ทีมแพทย์ของเราได้รับการอบรมเฉพาะทาง มีประสบการณ์ในการประเมินและแก้ไขปัญหาใต้ตาอย่างตรงจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
  2. การเลือกใช้ฟิลเลอร์คุณภาพสูง ที่ TBL Clinic เราเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากอย. เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยยังมีตัวเลือกยี่ห้อและรุ่นที่เหมาะสมกับปัญหาใต้ตาของผู้รับบริการแต่ละคน
  3. การให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
  4. เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย เราใช้เทคนิคที่ทันสมัยและมีมาตรฐานสูง เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น การบวม หรือการอุดตันของเส้นเลือด ทำให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

รีวิว ฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ TBL Clinic

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตาที่ TBL Clinic

สรุป ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทางลัดคืนความสดใสให้ใบหน้าดูตื่นตลอดวัน

ใต้ตาคล้ำ ร่องลึก หรือความโทรมจากการพักผ่อนน้อย อาจไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์กลบทุกเช้าอีกต่อไป เพราะ ฟิลเลอร์ใต้ตาคือเทคนิคที่ช่วยคืนความสดใสได้อย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย สาร Hyaluronic Acid (HA) จะเข้าไปเติมเต็มร่องลึก ปรับแสงเงาใต้ตาให้ดูนุ่มนวลขึ้น พร้อมช่วยให้ผิวบริเวณนั้นอิ่มน้ำและเรียบเนียนขึ้นทันที เห็นผลชัดในไม่กี่วันโดยไม่ต้องพักฟื้น หมอแนะนำให้เลือกฟิลเลอร์แท้ มี อย. และฉีดกับแพทย์ที่มีเทคนิคเฉพาะด้านใต้ตา เพื่อให้ผลลัพธ์เนียน สวย และปลอดภัยในระยะยาว เพราะใต้ตาที่ดูสดใส ไม่ได้เกิดจากการนอนเยอะ แต่เกิดจากการดูแลอย่างถูกวิธีกับแพทย์ที่เข้าใจใบหน้าคุณจริงๆ

อยากฟื้นฟูใต้ตาให้กลับมาดูสดใส ไม่โทรมเหมือนอดนอนตลอดปี หมอแนะนำให้เริ่มจากการปรึกษาก่อนฉีดเพื่อประเมินปัญหาและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะกับคุณที่สุดครับ เพราะแต่ละคนมีโครงหน้าและผิวใต้ตาที่แตกต่างกัน การวางแผนอย่างละเอียดคือสิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ดูธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด

💬 ปรึกษาฟรีได้ที่
LINE Official: @TBLCLINIC หรือ Inbox Facebook: TBL Clinic

เพราะใต้ตาที่ดูอ่อนเยาว์ ไม่ใช่แค่เรื่องความงาม แต่คือความมั่นใจที่มองเห็นได้ตั้งแต่แรกสบตาครับ

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

1. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน ?
โดยทั่วไปอยู่ได้นานประมาณ 8–18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์และเทคนิคของแพทย์ครับ

2. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ?
รู้สึกแค่ตึง ๆ หรือจิ๊ดเล็กน้อย เพราะฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มี ยาชาผสมในตัว และสามารถทายาชาก่อนฉีดได้ครับ

3. หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องพักฟื้นไหม ?
ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที แต่อาจมีรอยเข็มหรือบวมเล็กน้อยใน 2–3 วันแรกครับ

4. ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยลดรอยคล้ำได้ไหม ?
ช่วยได้ครับ โดยเฉพาะกรณีที่ใต้ตาคล้ำจาก “เงาร่องลึก” ไม่ใช่สีผิว เพราะฟิลเลอร์จะเติมเต็มให้ผิวดูอิ่มขึ้น

5. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วสามารถแต่งหน้าได้ไหม ?
แต่งหน้าได้หลังฉีดประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการกดทับบริเวณที่ฉีดครับ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : 095-291-6565

Facebook : TBL Clinic-ทู บีเลิฟ คลินิก

e-mail : [email protected]

LINE : @tblclinic

LINE@