YAG Laser คืออะไร? ดีไหม? แล้วต่างจากเลเซอร์แบบอื่นอย่างไร? คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์กำจัดขนหรือเลเซอร์เพื่อรักษาปัญหาผิวต่าง ๆ เพราะในปัจจุบันมีเลเซอร์หลายชนิดให้เลือก แต่ละแบบก็มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป YAG Laser หรือที่เรียกเต็ม ๆ ว่า Nd:YAG Laser (Neodymium-doped Yttrium Aluminum Garnet Laser) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยจุดเด่นเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะในผู้ที่มี ผิวสองสีจนถึงผิวคล้ำ ที่อาจมีความเสี่ยงจากเลเซอร์บางชนิด
บทความนี้หมอจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ YAG Laser ให้เข้าใจง่าย ๆ ตั้งแต่หลักการทำงาน, จุดเด่น, อาการขณะทำว่าเจ็บไหม รวมถึงเปรียบเทียบกับเลเซอร์แบบอื่นๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าควรเลือกเลเซอร์แบบไหนที่ตอบโจทย์ตัวเองที่สุดครับ
YAG Laser คืออะไร ?
YAG Laser หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า Nd:YAG Laser (Neodymium-doped Yttrium Aluminum Garnet Laser) คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นคลื่นแสงที่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวหนังโดยไม่ถูกรบกวนจากเม็ดสีผิว (Melanin) มากนัก ทำให้ ปลอดภัยสำหรับทุกสีผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวโทนคล้ำหรือผิวสองสี ที่เลเซอร์ชนิดอื่นอาจมีความเสี่ยงสูงกว่า
YAG Laser มักถูกนำมาใช้ในหลากหลายหัตถการ ทั้งการ กำจัดขนถาวร, การรักษาเส้นเลือดฝอยขยาย, ลดรอยแดง รวมไปถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวลึก จุดเด่นของเลเซอร์ชนิดนี้คือ ลดโอกาสเกิดรอยไหม้หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ ที่อาจพบได้ในเลเซอร์ชนิดอื่นๆ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยและต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะยาวครับ
Yag laser เลเซอร์กำจัดขนทำงานอย่างไร ?
YAG Laser เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ คลื่นแสงความยาว 1064 นาโนเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเลเซอร์ที่สามารถเจาะลึกถึงชั้นผิวหนังส่วนลึก (Dermis) โดยไม่ถูกเม็ดสีผิว (Melanin) ดูดซับพลังงานมากเกินไปเหมือนเลเซอร์บางประเภท จึง ลดความเสี่ยงของผิวไหม้และสีผิวไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวคล้ำหรือผิวสองสี
หลักการทำงานของ YAG Laser คือ การปล่อยพลังงานแสงลงไปยัง เม็ดสีเมลานินในรากขน พลังงานนี้จะถูกดูดซับและเปลี่ยนเป็นความร้อน ส่งผลให้ รากขนและเซลล์ต้นกำเนิดขนถูกทำลาย อย่างแม่นยำ เมื่อขนในระยะเจริญเติบโต (Anagen Phase) ถูกเลเซอร์ทำลาย ขนเส้นใหม่ก็จะค่อย ๆ ขึ้นช้าลง บางลง หรืออาจไม่ขึ้นอีกเลยในบางกรณี
จุดเด่นของ YAG Laser คือสามารถใช้ได้กับ ขนหนาและขนลึกในจุดที่เข้าถึงยาก เช่น รักแร้ บิกินี่ไลน์ หรือบริเวณจุดซ่อนเร้น จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มองหาการกำจัดขนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงครับ
YAG Laser มีกี่แบบ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
YAG Laser เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีหลายรูปแบบ เพื่อรองรับปัญหาผิวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดขน ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน หรือรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติและความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับปัญหาผิวและสีผิวที่หลากหลาย ในหัวข้อต่อไปหมอจะพาไปดูว่า YAG Laser มีกี่ชนิด และแต่ละแบบช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง รวมถึงเหตุผลว่าทำไม YAG Laser จึงเป็นเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบันครับ
ชนิดของ YAG Laser แต่ละชนิดช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
YAG Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีหลายชนิด ซึ่งแต่ละแบบจะถูกออกแบบให้มีความยาวคลื่นต่างกัน เพื่อรองรับปัญหาผิวและการรักษาในจุดประสงค์ที่แตกต่างกันครับ โดยหลัก ๆ แล้ว YAG Laser ที่นิยมใช้กันมี 2 ประเภท คือ Q-switched Nd:YAG และ Long Pulsed Nd:YAG ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- Q-switched Nd:YAG (1064 nm และ 532 nm)
เหมาะสำหรับการรักษาเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ รอยสัก และจุดด่างดำ รวมถึงช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะความยาวคลื่น 1064 nm ที่สามารถเข้าถึงผิวชั้นลึกได้ดี ปลอดภัยสำหรับทุกสีผิว แม้ผิวคล้ำ
- Long Pulsed Nd:YAG (1064 nm)
ออกแบบมาเพื่อกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวคล้ำหรือขนเส้นหนา ใช้พลังงานเลเซอร์ที่ลงลึกถึงรากขนโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน พร้อมช่วยกระชับรูขุมขนและกระตุ้นคอลลาเจนได้อีกด้วยครับ
ทำไม YAG Laser ถึงได้รับความนิยมสูงสุด
YAG Laser ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการความงามและเวชศาสตร์ผิวหนัง เพราะมีจุดเด่นในเรื่องของ ความยืดหยุ่นในการรักษาและความปลอดภัยกับทุกสีผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนเอเชียที่มักมีผิวโทนเข้มหรือผิวสองสี ซึ่งเลเซอร์บางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างผิวไหม้หรือรอยดำได้ง่าย แต่ YAG Laser สามารถลดปัญหาเหล่านี้ได้ดีมากครับ
อีกจุดแข็งที่ทำให้ YAG Laser ได้รับความนิยมคือ ความสามารถในการเจาะลึกถึงชั้นรากขนหรือเม็ดสีได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นบน ทำให้เหมาะทั้งสำหรับการกำจัดขนถาวร ลดเลือนเม็ดสี ฝ้า กระ ไปจนถึงการรักษารอยสัก นอกจากนี้ยังมี โหมดพลังงานหลากหลาย ที่ช่วยให้เลือกปรับให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคลได้ดีด้วยครับ
YAG Laser เหมาะกับใคร ทำจุดไหนได้บ้าง ?
หลายคนอาจสงสัยว่า YAG Laser เหมาะกับใครบ้าง และสามารถกำจัดขนหรือรักษาปัญหาผิวในตำแหน่งไหนได้ดีที่สุด? เพราะแม้เลเซอร์จะมีหลายชนิด แต่ YAG Laser ก็มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์หลากหลายปัญหา โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวสองสีหรือผิวคล้ำ ในหัวข้อต่อไปนี้ หมอจะมาอธิบายให้เข้าใจชัดเจนขึ้นว่า ใครบ้างที่เหมาะกับ YAG Laser และ สามารถเลือกทำเลเซอร์ขนในบริเวณไหนได้บ้าง รวมถึงต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ไปดูกันเลยครับ
YAG Laser เหมาะกับใคร ?
YAG Laser เป็นเลเซอร์ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับคนที่มีลักษณะผิวและปัญหาเฉพาะทางบางกลุ่ม โดยสามารถสรุปได้เป็นข้อๆ ดังนี้ครับ
- ผู้ที่มีผิวคล้ำหรือผิวสองสี
- YAG Laser มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ที่สามารถลงลึกถึงรากขนโดยไม่ถูกรบกวนจากเม็ดสีในผิวชั้นบน
- ลดความเสี่ยงของการไหม้หรือรอยดำเมื่อเทียบกับเลเซอร์ประเภทอื่น
- ผู้ที่มีขนหนา ขนแข็ง สีเข้ม
- เหมาะกับการกำจัดขนในบริเวณที่ขนมีความหนาแน่นสูง เช่น รักแร้ แขน ขา บิกินี่ไลน์ และจุดซ่อนเร้น
- ให้ผลลัพธ์ในการลดจำนวนเส้นขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ที่มีปัญหาขนคุดหรือรูขุมขนอักเสบเรื้อรัง
- ช่วยลดโอกาสการเกิดขนคุด ตุ่มหนังไก่ และปัญหารูขุมขนอุดตัน
- ลดการอักเสบและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ผู้ที่ต้องการรักษารอยแดงหรือเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง
- นอกจากกำจัดขนแล้ว YAG Laser ยังสามารถช่วยในเรื่องของการลดรอยแดงและเส้นเลือดฝอย
- เป็นตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับคนที่มีปัญหาผิวร่วมด้วย
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปลอดภัยแม้ในบริเวณผิวบอบบาง
- ใช้ได้ในบริเวณที่ผิวบอบบางหรือเข้าถึงยากได้อย่างปลอดภัย
- มีระบบควบคุมพลังงานที่แม่นยำ ลดการระคายเคืองต่อผิว
YAG Laser กำจัดขน ทำตำแหน่งได้บ้างและต้องทำกี่ครั้ง ?
การกำจัดขนด้วย YAG Laser เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีผิวสองสีหรือผิวคล้ำ ด้วยคุณสมบัติของแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร สามารถลงลึกถึงรากขนได้ดีโดยไม่ทำลายผิวด้านบน และลดโอกาสเกิดรอยไหม้หรือรอยดำที่มักพบในคนผิวเข้มครับ
สำหรับตำแหน่งที่สามารถทำ YAG Laser ได้ มีหลากหลายจุดตามความต้องการ ดังนี้ครับ
- รักแร้ ช่วยลดขนหนา ขนแข็ง พร้อมปรับผิวให้ดูเรียบเนียน ลดตุ่มหนังไก่ ควรกำจัดขนจำนวน 5-8 ครั้ง
- หนวด ลดปัญหาขนแข็งและขนคุดบริเวณเหนือริมฝีปาก ควรกำจัดขนจำนวน 6-10 ครั้ง
- เครา กำจัดขนเคราที่แข็งและหนา ช่วยลดปัญหาขนคุดในผู้ชาย ควรกำจัดขนจำนวน 5-8 ครั้ง
- ทั่วใบหน้า ลดขนเส้นอ่อนทั่วใบหน้า ทำให้ผิวดูใสขึ้น แต่งหน้าง่ายขึ้น ควรกำจัดขนจำนวน6-10 ครั้ง
- ขาบน ลดขนบริเวณต้นขา ช่วยให้ขาเรียบเนียน ควรกำจัดขนจำนวน 5-8 ครั้ง
- ขาล่าง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขาเนียนไร้ขนในส่วนบริเวณตั้งแต่เข่าลงไป ควรกำจัดขนจำนวน 5-8 ครั้ง
- ขาทั้งหมด ทำขาทั้งขาบนและขาล่าง พร้อมกันเพื่อผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ ควรกำจัดขนจำนวน 5-8 ครั้ง
- แขนทั้งหมด ลดขนบริเวณแขนตั้งแต่หัวไหล่ถึงข้อมือ ให้แขนดูเนียนใส ควรกำจัดขนจำนวน 5-8 ครั้ง
- ขอบบิกินี่ กำจัดขนเฉพาะขอบบิกินี่ เพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ควรกำจัดขนจำนวน 6-10 ครั้ง
- บิกินี่ทั้งหมด กำจัดขนทั่วบริเวณบิกินี่ไลน์ รวมถึงจุดซ่อนเร้น ควรกำจัดขนจำนวน 6-10 ครั้ง
- ทั่วบริเวณลำตัว เหมาะกับผู้ที่มีขนบริเวณหลัง หน้าท้อง หรือหน้าอก ควรกำจัดขนจำนวน 6-10 ครั้ง
- ทั่วบริเวณใบหน้า + ลำตัว สำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขนทั้งใบหน้าและลำตัวในคราวเดียว ควรกำจัดขนจำนวน 6-10 ครั้ง
คำแนะนำ
- จำนวนครั้งที่ระบุเป็นค่าโดยประมาณ อาจมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพขนและสีผิวของแต่ละคน
- การเว้นระยะห่างแต่ละครั้ง 4-6 สัปดาห์ จะช่วยให้เลเซอร์จับขนในระยะเจริญเติบโต (Anagen Phase) ได้อย่างต่อเนื่อง
- แนะนำให้ ประเมินโดยแพทย์ก่อนเริ่มทำทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยและเลือกพลังงานที่เหมาะสมครับ
ข้อดี – ข้อเสียของการกำจัดขนด้วย YAG Laser
การกำจัดขนด้วย YAG Laser ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีผิวโทนเข้มหรือขนหนา เนื่องจากสามารถปล่อยพลังงานได้ลึกถึงรากขนโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน แต่แน่นอนว่าทุกวิธีย่อมมีทั้งข้อดีและข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ วันนี้หมอจะมาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ครับ
ข้อดีของการกำจัดขนด้วย YAG Laser
- ปลอดภัยกับทุกสีผิว โดยเฉพาะผิวคล้ำหรือผิวสองสี เพราะความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตรของ YAG Laser จะไม่ถูกรบกวนโดยเม็ดสีในผิว
- ลดขนได้ลึกถึงรากขน ทำให้ขนที่ขึ้นใหม่บางลง ช้าลง และช่วยลดปัญหาขนคุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เหมาะกับขนเส้นใหญ่และแข็ง เช่น ขนรักแร้ เครา บิกินี่ไลน์
- ลดโอกาสผิวไหม้และผลข้างเคียง เนื่องจากพลังงานเน้นที่รากขนโดยตรง ไม่กระทบเนื้อเยื่อรอบข้าง
ข้อเสียของการกำจัดขนด้วย YAG Laser
- รู้สึกเจ็บกว่าวิธีอื่นเล็กน้อย เพราะพลังงานลงลึกถึงรากขน โดยเฉพาะบริเวณที่ขนหนา อาจต้องอาศัยการใช้ Cooling System หรือยาชาช่วยลดความรู้สึก
- ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง (5-10 ครั้ง) เนื่องจากเลเซอร์ทำงานได้ดีที่สุดกับขนในระยะเจริญเติบโตเท่านั้น
- ราคาสูงกว่า IPL หรือวิธีทั่วไป แต่แลกมากับความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีกว่าในระยะยาว
ข้อควรปฏิบัติ การเตรียมตัว และการดูแลตัวเองก่อน – หลังทำ YAG Laser
ก่อนเข้ารับการ กำจัดขนด้วย YAG Laser การเตรียมตัวอย่างถูกต้องและการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังทำถือเป็นเรื่องสำคัญมากครับ เพราะนอกจากจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงของการระคายเคืองและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ วันนี้หมอจะมาแนะนำวิธีเตรียมตัวและการดูแลตัวเองให้ครบถ้วนครับ
การเตรียมตัวก่อนทำ YAG Laser
- งดถอนหรือแว็กซ์ขนอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ ก่อนทำเลเซอร์ เพราะหากไม่มีรากขน พลังงานเลเซอร์จะไม่สามารถทำลายรากขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- โกนขนบริเวณที่จะทำเลเซอร์ก่อน 24 ชั่วโมง เพื่อให้เลเซอร์โฟกัสที่รากขนโดยตรง ลดโอกาสเกิดการไหม้ขนเหนือผิว
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหรืออาบแดดก่อนทำ 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองและลดความเสี่ยงของผิวไหม้
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว (AHA, BHA, Retinol) และสารที่ทำให้ผิวบางอย่างน้อย 5-7 วันก่อนทำ
- แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาที่ไวต่อแสง เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือยา Retinoids
การดูแลตัวเองหลังทำ YAG Laser
- หลีกเลี่ยงการตากแดดโดยตรง 7-14 วันหลังทำ และควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน
- งดขัดผิวหรือสครับในบริเวณที่ทำเลเซอร์ประมาณ 5-7 วัน เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้เต็มที่
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีนหรือแช่อ่างน้ำร้อน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- หมั่นทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แนะนำเลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เช่น CeraVe หรือ La Roche-Posay
- ห้ามถอนหรือโกนขนที่ทำเลเซอร์ทันทีหลังทำ ปล่อยให้ขนที่ถูกเลเซอร์ทำลายหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ
YAG Laser ควรทํากี่ครั้ง
หลายคนที่สนใจทำ YAG Laser กำจัดขน อาจสงสัยว่า ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน? คำตอบคือ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น YAG หรือชนิดอื่น ๆ จะได้ผลดีที่สุดเมื่อขนอยู่ใน ระยะเจริญเติบโต (Anagen Phase) เพราะเป็นช่วงที่รากขนมีเม็ดสีเมลานินเข้มข้น ซึ่งเป็นเป้าหมายของแสงเลเซอร์นั่นเองครับ
โดยปกติแล้ว ควรทำต่อเนื่องประมาณ 6-8 ครั้ง เว้นระยะห่างกัน 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมขนในทุกวงจรการเจริญเติบโต ทั้งนี้จำนวนครั้งอาจแตกต่างกันไปตาม สีขน ความหนาแน่นของขน สีผิว และตำแหน่งที่ทำ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาและคาดการณ์ผลลัพธ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้นครับ
YAG Laser อันตรายไหม ?
หลายคนที่สนใจทำ YAG Laser กำจัดขน อาจมีข้อสงสัยว่า YAG Laser อันตรายไหม? จริง ๆ แล้ว หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกใช้เครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก FDA, CE Mark หรือ อย. ความเสี่ยงถือว่าน้อยมากครับ
YAG Laser ถูกออกแบบมาให้ปล่อยพลังงานอย่างแม่นยำ โดยมี ระบบควบคุมพลังงานและระบบทำความเย็น (Cooling System) ช่วยปกป้องผิวขณะทำ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยแดง ผิวอุ่น หรือบวมเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน
สิ่งสำคัญคือควร เลือกทำกับคลินิกที่มีมาตรฐาน และมีแพทย์คอยประเมินและดูแลอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้ปลอดภัย เห็นผลลัพธ์ดี และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ
YAG Laser กี่บาท
YAG Laser กี่บาท? คำถามนี้เป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ก่อนวางแผนกำจัดขน เพราะราคาในการทำ YAG Laser อาจแตกต่างกันไปตาม ตำแหน่งที่ทำ พื้นที่ของบริเวณที่ต้องการรักษา และจำนวนครั้งที่เข้ารับบริการ รวมถึงคุณภาพของเครื่องเลเซอร์และประสบการณ์ของแพทย์ที่ดูแลด้วยครับ
โดยทั่วไป ราคาต่อครั้งของ YAG Laser อาจเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 – 6,000 บาท ขึ้นอยู่กับบริเวณ เช่น บริเวณเล็กอย่างหนวดหรือรักแร้จะมีราคาย่อมเยา ส่วนบริเวณกว้าง เช่น ขาทั้งสองข้าง หรือแผ่นหลัง จะมีราคาสูงกว่า และมักมีโปรโมชั่นแบบ แพ็กเกจคอร์ส ที่ช่วยให้คุ้มค่าขึ้นเมื่อทำต่อเนื่องหลายครั้งนะครับ