ใครๆ ก็อยากมีสันจมูกพุ่ง เรียวสวย แบบไม่ต้องเสี่ยงเจ็บกับการผ่าตัดใช่ไหมครับ? ตอนนี้เทรนด์ ร้อยไหมจมูก กำลังมาแรงสุดๆ เพราะเป็นวิธีที่ช่วยปรับทรงจมูกให้โด่งขึ้นได้จริง โดยไม่ต้องพึ่งซิลิโคนหรือการศัลยกรรมใหญ่ๆ ตัวไหมที่ใช้เป็นไหมละลายที่หมอร้อยเข้าไปเพื่อพยุงและกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้สันจมูกดูพุ่ง เนียน และเป็นธรรมชาติแบบสุด
นอกจากจะเจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ผลลัพธ์ยังตอบโจทย์สายชอบความเนียนไม่โป๊ะ บอกเลยว่าสาย Z ที่อยากได้ลุคจมูกปังแบบไม่เสี่ยงต้องห้ามพลาด! อยากรู้ไหมว่า ร้อยไหมจมูก มีกี่แบบ ปลอดภัยแค่ไหน และเหมาะกับใครบ้าง? ตามหมอไปเจาะลึกกันในหัวข้อถัดไปได้เลย
ร้อยไหมจมูกทำงานอย่างไร ?
การร้อยไหมจมูก เป็นเทคนิคที่ใช้ไหมละลายชนิดพิเศษ (PDO, PCL หรือ PLLA) สอดเข้าไปใต้ผิวบริเวณสันจมูกตามแนวที่แพทย์ออกแบบไว้ ตัวไหมจะทำหน้าที่ “พยุง” โครงสร้างให้ยกตัวขึ้น ทำให้จมูกดูโด่ง เรียว และมีมิติมากขึ้นทันทีหลังทำ
แต่ไม่ใช่แค่พยุงเท่านั้นนะครับ! เส้นไหมยังไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นแน่นขึ้น ส่งผลให้ผลลัพธ์ดูเนียนและเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 1–3 เดือนหลังทำ ข้อดีคือแทบไม่ต้องพักฟื้น เจ็บน้อยกว่าที่คิด และที่สำคัญไหมจะสลายไปเองตามธรรมชาติใน 8–18 เดือน โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง สาย Z ที่อยากได้ลุคจมูกปังแบบไม่โป๊ะ ก็คือเหมาะสุดๆ ไปเลยครับ
ร้อยไหมจมูกมีกี่แบบ ? แตกต่างกันยังไง ?
ถ้าถามหมอว่า ร้อยไหมจมูกมีกี่แบบ? ตอบง่ายๆ เลยว่าหลักๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ไหมละลาย และ ไหมไม่ละลาย ซึ่งต่างกันทั้งวัสดุและผลลัพธ์ที่ได้
- ไหมละลาย (Dissolvable Thread)
ทำจากวัสดุที่ปลอดภัย เช่น PDO, PCL หรือ PLLA ที่สลายเองได้ในร่างกายภายใน 8–18 เดือน ไหมชนิดนี้นอกจากช่วยพยุงสันจมูก ยังไปกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้จมูกดูเนียนและเรียวขึ้นเรื่อยๆ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวไว เหมาะกับคนที่ไม่อยากเสี่ยงผ่าตัด
- ไหมไม่ละลาย (Non-Dissolvable Thread)
ทำจากวัสดุที่ไม่สลาย เช่น ไหมทองคำ หรือโพลีเมอร์ ให้ผลลัพธ์ยาวนานหลายปี ยกแรง แต่ความเสี่ยงสูงกว่า เช่น อักเสบหรือเคลื่อนตัว หากเกิดปัญหาต้องผ่าตัดเอาออก
ไหมละลายสำหรับร้อยจมูก คืออะไร ?
ไหมละลาย คือวัสดุที่หมอใช้ในการร้อยไหมจมูกเพื่อพยุงสันจมูกให้ดูสูงขึ้น โดยเส้นไหมจะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติภายใน 8–18 เดือน ชนิดที่นิยมใช้มีทั้ง PDO (Polydioxanone), PCL (Polycaprolactone) และ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งทุกชนิดได้รับการยอมรับว่าปลอดภัยต่อร่างกาย
จุดเด่นของไหมละลายคือ ไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีสารตกค้าง หลังร้อยไหม นอกจากจะช่วยยกสันจมูกให้พุ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม ทำให้ผิวบริเวณจมูกกระชับ ดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติเรื่อยๆ หมอแนะนำไหมละลายสำหรับคนที่อยากได้ผลลัพธ์ปังๆ แต่ปลอดภัย เจ็บน้อย และไม่ต้องกลัวมีปัญหาตามมาทีหลัง เหมาะมากสำหรับสาย Z ที่อยากสวยแบบเนียนๆ โดยไม่เสี่ยงกับมีดหมอ
ไหมไม่ละลายใช้ในเคสไหน ?
ไหมไม่ละลาย เป็นไหมที่ทำจากวัสดุที่ไม่สามารถสลายเองในร่างกายได้ เช่น ไหมทองคำ หรือไหมโพลีเมอร์ ข้อดีคือให้ผลลัพธ์ยาวนานหลายปีและยกสันจมูกได้แรงกว่าชนิดไหมละลาย แต่ก็แลกมากับความเสี่ยงที่สูงขึ้น เช่น การอักเสบ การเคลื่อนตัวของไหม หรือเกิดปัญหาที่ต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดนำออก
ไหมชนิดนี้เหมาะกับคนที่ ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวมากกว่า 3–5 ปี หรือ เคยทำไหมละลายแล้วอยากได้การยกที่ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงและพร้อมดูแลตัวเองหลังทำอย่างเคร่งครัด หมอแนะนำว่า ก่อนเลือกไหมไม่ละลาย ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์จริงๆ เพราะเทคนิคและความชำนาญคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาปลอดภัยและปังในแบบที่คุณต้องการครับ
ร้อยไหมจมูก เหมาะกับใครบ้าง ?
การร้อยไหมจมูก เป็นตัวเลือกที่กำลังฮอตสำหรับคนที่อยากมีจมูกโด่งแบบเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเจ็บตัวกับการผ่าตัดใหญ่ เทคนิคนี้เหมาะกับหลายกลุ่มมากครับ
- คนที่สันจมูกไม่ชัด ใครที่ถ่ายรูปแล้วจมูกดูแบน หรือไม่มีมิติ วิธีนี้ช่วยพยุงและปรับให้สันจมูกดูคมขึ้นทันที
- คนที่จมูกไม่เรียว ปลายตก หมอสามารถออกแบบการร้อยไหมเพื่อให้ทรงจมูกดูเรียวยาว ปลายยกเล็กน้อย เพิ่มความละมุนให้ใบหน้า
- คนที่ไม่อยากผ่าตัด สำหรับสายที่กลัวเจ็บ กลัวแผล หรือไม่อยากพักฟื้นนาน ร้อยไหมคือคำตอบ เพราะเจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และผลดูเนียนมาก
สรุปง่ายๆ ใครที่อยากอัปเกรดจมูกให้พุ่งแบบ ปลอดภัย ไม่โป๊ะ ไม่พักฟื้นเยอะ เทคนิคนี้คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์สุด โดยเฉพาะสาย Z ที่อยากได้ลุคปังไวโดยไม่เสี่ยงมีดหมอครับ
ข้อดี – ข้อควรรู้ก่อนร้อยไหมจมูก
ก่อนตัดสินใจทำร้อยไหมจมูก หมออยากให้ทุกคนรู้ทั้งข้อดีและสิ่งที่ควรระวัง เพื่อจะได้ตัดสินใจแบบชัวร์ๆ
ข้อดีของร้อยไหมจมูก
- เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ทำเสร็จสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ
- ไม่ทิ้งแผลเป็น แค่รอยเข็มเล็กๆ หายเร็วมาก
- ผลดูเป็นธรรมชาติ สันจมูกเรียวขึ้นแบบไม่โป๊ะ ไม่แข็ง
ข้อควรรู้และสิ่งที่ต้องระวัง
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ไหมละลายจะสลายไปเองใน 8–18 เดือน ถ้าอยากคงผลต้องทำซ้ำ
- ต้องเลือกแพทย์เชี่ยวชาญ เทคนิคสำคัญมาก เพราะการร้อยไหมผิดชั้นอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น เอียง หรืออักเสบ
- ต้องดูแลหลังทำตามคำแนะนำ เพื่อให้ไหมอยู่ในตำแหน่งและผลลัพธ์ออกมาสวย
สรุปนะครับ ใครอยากจมูกปังแบบไม่พักฟื้นนาน ร้อยไหมจมูก คือคำตอบ แต่ต้องทำกับแพทย์มือโปรเท่านั้น
ร้อยไหมจมูกใช้ไหมกี่เส้นถึงจะเห็นผล ?
จำนวนเส้นที่ใช้ในการ ร้อยไหมจมูก ไม่ได้ตายตัวนะครับ เพราะขึ้นอยู่กับ โครงสร้างจมูกเดิม และ ผลลัพธ์ที่คนไข้ต้องการ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและออกแบบมุมยกที่เหมาะสมกับใบหน้าแต่ละคน
- จมูกที่สันเตี้ยเล็กน้อย อาจใช้เพียง 6–8 เส้น ก็เห็นสันที่คมขึ้นได้แล้ว
- จมูกที่แบนหรือกว้าง ต้องใช้มากขึ้น ประมาณ 10–12 เส้น เพื่อสร้างโครงพยุงให้โด่งเป็นธรรมชาติ
- คนที่อยากปลายยกเฉพาะจุด อาจเพิ่มไหมเฉพาะตำแหน่งปลายจมูกเพื่อปรับองศา
สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรเน้นจำนวนเส้นเยอะเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความตึงหรือเอียงได้ หมอจะแนะนำแบบที่เหมาะกับคุณที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ดู พุ่งสวย เนียน และปลอดภัย ไม่โป๊ะ ไม่หลอกตา สาย Z ทำแล้วมั่นใจขึ้นแบบไม่ต้องง้อฟิลเตอร์เลยครับ
ร้อยไหมจมูกอันตรายไหม ?
คำถามยอดฮิตที่หลายคนกังวลคือ ร้อยไหมจมูกอันตรายไหม? หมอบอกเลยว่าถ้าทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ไหมที่ได้มาตรฐาน ความเสี่ยงต่ำมาก เพราะไหมละลายที่นิยมใช้ เช่น PDO, PCL หรือ PLLA ผ่านการรับรองว่าปลอดภัยและสลายได้เองในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม การร้อยไหมก็ยังมีความเสี่ยงเล็กน้อย เช่น บวม ช้ำ หรือปวดระบม ในช่วงแรก ซึ่งจะหายเองภายในไม่กี่วัน ความเสี่ยงที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น ไหมเอียง อักเสบ หรือทะลุผิว มักเกิดจากการทำโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือใช้ไหมคุณภาพต่ำ ดังนั้น ถ้าอยากได้จมูกพุ่งสวยแบบปลอดภัย เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ แพทย์มีเทคนิคแม่นยำ และไหมผ่าน อย. แค่นี้ก็หายห่วง ทำแล้วได้ลุคปังๆ แบบสบายใจแน่นอนครับ
ผลข้างเคียงที่อาจพบชั่วคราว
หลังทำ ร้อยไหมจมูก หลายคนอาจสังเกตเห็นอาการบางอย่างที่เกิดขึ้นได้ในช่วงสั้นๆ ซึ่งถือว่าเป็น ปฏิกิริยาปกติของร่างกาย ต่อการสอดไหมและจะค่อยๆ หายไปเอง
- บวมและช้ำเล็กน้อย มักเกิดขึ้นใน 2–3 วันแรก เพราะเนื้อเยื่อมีการอักเสบเล็กๆ ตามกลไกธรรมชาติ
- เจ็บตึงหรือระบม ความรู้สึกเหมือนมีแรงดึงภายในผิว บางคนบอกว่า “ตึงๆ หน่อย” แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์
- รอยเข็มแดงหรือจุดช้ำ หายภายในไม่กี่วัน สามารถแต่งหน้าปกปิดได้
- คลำเจอไหมเล็กน้อย บางรายอาจรู้สึกถึงไหมในช่วงแรก แต่จะเรียบเนียนไปเองเมื่อผิวฟื้นตัว
โดยรวมแล้ว ผลข้างเคียงเหล่านี้ ไม่ได้อันตราย และจะหายไปเมื่อผิวเข้าที่เต็มที่ แต่ถ้ามีอาการบวมผิดปกติ ปวดรุนแรง หรือมีหนอง ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัยและแก้ไขได้ทันครับ
บทความน่าสนใจ : ร้อยไหม คืออะไร ช่วยอะไรได้บ้าง?
ร้อยไหมจมูกอยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลายคนอยากรู้ว่า ร้อยไหมจมูกอยู่ได้นานไหม? หมอตอบเลยว่า โดยเฉลี่ย ผลลัพธ์จะอยู่ประมาณ 1–2 ปี ขึ้นกับชนิดไหมที่ใช้และสภาพผิวของแต่ละคน ไหมละลายอย่าง PDO จะคงอยู่ราว 8–12 เดือน ส่วน PCL และ PLLA อยู่ได้นานขึ้น 12–18 เดือน เพราะกระตุ้นคอลลาเจนได้ต่อเนื่อง เมื่อไหมสลายไป ผิวยังคงความกระชับและโครงสร้างดีขึ้นกว่าก่อนทำ แต่จะค่อยๆ ลดลงตามเวลา ถ้าอยากให้ทรงจมูกพุ่งสวยต่อเนื่อง อาจทำซ้ำทุก 1–2 ปี เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น และที่สำคัญ ควรทำกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ เพื่อให้ไหมวางตำแหน่งเป๊ะ ผลลัพธ์สวย ปลอดภัยทุกขั้นตอนครับ
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังร้อยไหมจมูก ?
หลังร้อยไหมจมูก การดูแลตัวเองถือว่าสำคัญมาก เพื่อให้ไหมเข้าที่และผลลัพธ์สวยเป๊ะอย่างที่ตั้งใจไว้ หมอแนะนำวิธีดูแลง่ายๆ ดังนี้
- งดกดหรือบีบจมูกแรงๆ ช่วง 1–2 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการนวดหรือปรับทรงเองเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ไหมเคลื่อน
- งดใส่แว่นหนักๆ โดยเฉพาะแว่นที่กดบริเวณสันจมูก ควรเลี่ยงอย่างน้อย 2–3 สัปดาห์
- นอนหงาย และยกศีรษะสูงเล็กน้อยในช่วงแรก เพื่อช่วยลดบวม
- งดออกกำลังกายหนัก หรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงกระแทกจมูกประมาณ 1–2 สัปดาห์
- ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ ทั้งเรื่องการใช้ยา การทำความสะอาด และการนัดติดตาม
หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงมากขึ้น ปวดรุนแรง หรือมีหนอง ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที เพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะแทรกซ้อนครับ
ร้อยไหมจมูกที่ไหนดี ? วิธีเลือกคลินิกที่ปลอดภัย
ก่อนจะตัดสินใจ ร้อยไหมจมูก สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสุดๆ คือการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยเป๊ะ หมอแนะนำเกณฑ์ที่ควรเช็กก่อนทำ
- คลินิกต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง และใช้ไหมที่ผ่านการรับรองจาก อย.
- แพทย์มีประสบการณ์ โดยเฉพาะเทคนิคการร้อยไหมจมูกที่ต้องแม่นยำ วางไหมถูกตำแหน่ง
- รีวิวจริงจากผู้ใช้บริการ ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ
- มีการติดตามผลหลังทำ เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
ถ้าใครกำลังมองหาที่ทำที่ไว้ใจได้ แนะนำ TBL Clinic คลินิกความงามย่าน BTS พระโขนง ที่ขึ้นชื่อเรื่องการร้อยไหมจมูก วัสดุปลอดภัย แพทย์มือโปร ผลลัพธ์ออกมาธรรมชาติ สันพุ่งสวยแบบมั่นใจ ไม่ต้องกลัวพลาด!อยากจมูกสวยแบบปลอดภัย จองคิวกับ TBL Clinic ได้เลยครับ
สรุปว่าร้อยไหมจมูกช่วยให้จมูกสวยพุ่งได้จริงไหม?
ตอบเลยว่า ร้อยไหมจมูกช่วยให้จมูกพุ่ง เรียว และดูสวยขึ้นได้จริง เพราะเส้นไหมช่วยพยุงและปรับโครงสร้างสันจมูก พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวบริเวณนั้นกระชับขึ้นเรื่อยๆ ผลลัพธ์ออกมาธรรมชาติ ไม่โป๊ะ และฟื้นตัวไวกว่าแบบผ่าตัด แต่! ความสำเร็จของการร้อยไหมไม่ได้ขึ้นกับไหมอย่างเดียว แพทย์ต้องเชี่ยวชาญ วางไหมถูกจุด ใช้ไหมที่ได้มาตรฐาน และคลินิกต้องปลอดภัย ได้ใบอนุญาตชัดเจน ถ้าอยากได้จมูกพุ่งปังแบบมั่นใจ เลือกทำกับแพทย์มือโปรที่คลินิกเชื่อถือได้ เช่น TBL Clinic แล้วคุณจะได้จมูกสวยแบบที่ฝันไว้จริงๆ
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ร้อยไหมจมูก
- ร้อยไหมจมูกเจ็บไหม?
มีความรู้สึกตึงๆ แต่หมอใช้ยาชาช่วย - ร้อยไหมจมูกใช้เวลาทำนานไหม?
โดยเฉลี่ย 30–45 นาที - หลังร้อยไหมจมูกบวมกี่วัน?
บวมเล็กน้อย 3–7 วัน - ร้อยไหมจมูกทำซ้ำได้เมื่อไหร่?
ประมาณ 12–18 เดือน หรือเมื่อไหมสลาย - ร้อยไหมจมูกกับเสริมซิลิโคนต่างกันยังไง?
ร้อยไหมไม่ถาวรและไม่ต้องผ่าตัด
TBL Clinic คลินิกความงามที่ตั้งอยู่ติด BTS พระโขนง เดินทางสะดวก พร้อมดูแลคุณด้วยมาตรฐานระดับสากล เรามีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้าและความงามครบวงจร ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้รับการอบรมเทคนิคหัตถการทั้งในและต่างประเทศ เลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนถูกต้องเท่านั้น
TBL Clinic อัพเดทเทรนด์ความงามและเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้าน Aesthetic อย่างต่อเนื่อง ให้บริการตั้งแต่ ร้อยไหม, ฟิลเลอร์, โบท็อกซ์ จนถึงหัตถการยกกระชับและปรับรูปหน้า ทุกเคสได้รับการวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาละมุน สวยธรรมชาติ และดึงเอกลักษณ์ที่ดีที่สุดของคุณออกมา
สามารถทักมาปรึกษาฟรีได้ที่ Line Official หรือ Inbox Facebook คุณหมอตอบเองครับ เพราะเรามุ่งเน้นให้คุณ สวยอย่างมั่นใจในแบบที่เป็นตัวเอง เลือกดูแลตัวเองที่ TBL Clinic แล้วคุณจะสัมผัสความต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Call Center : 095-291-6565
Facebook : TBL Clinic-ทู บีเลิฟ คลินิก
e-mail : [email protected]
LINE : @tblclinic
