เลขที่ ฆสพ./สบส 1536/2568

TBL Clinic

เลเซอร์รอยสิว ทำแบบไหนดี? แตกต่างกันยังไง? ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และหลุมสิวได้จริงไหม

เลเซอร์รอยสิว

หัวข้อ

เลเซอร์รอยสิว

รอยสิวคือหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนบ่นว่ากวนใจสุด ๆ เพราะต่อให้สิวหายไปแล้ว แต่ร่องรอยความทรงจำก็ยังทิ้งไว้ ทั้งรอยดำ รอยแดง ไปจนถึงหลุมสิวที่ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ซึ่งเทรนด์ยุคนี้ การแก้ปัญหาด้วย เลเซอร์รอยสิว กำลังมาแรงมาก เพราะเครื่องมือเลเซอร์สมัยใหม่สามารถ “ยิงตรงจุด” แก้เม็ดสีใต้ผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียนได้เร็วขึ้น

แต่เลเซอร์รอยสิวไม่ได้มีแบบเดียว ทุกเครื่องมีข้อดี ข้อจำกัด และเหมาะกับสภาพผิวที่ต่างกัน การเลือกผิดอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ปังอย่างที่หวัง ดังนั้นบทความนี้จะพาเจาะลึกทุกมุม ตั้งแต่ชนิดของเลเซอร์ ไปจนถึงวิธีเลือกให้เหมาะกับปัญหาผิวจริงๆ บอกเลยว่าใครที่ยังลังเล “ทำเลเซอร์รอยสิวแบบไหนดี?” อ่านต่อแล้วจะได้คำตอบแน่นอน

รู้จักรอยสิวให้ลึกก่อนเริ่มเลเซอร์ ลดรอยสิว

รอยสิวเป็นผลลัพธ์จากกระบวนการอักเสบของผิวหนังที่เกิดขึ้นหลังสิวหายไป ซึ่งอาจทิ้ง รอยดำจากสิว หรือรอยแดงไว้ให้กวนใจ โดยสาเหตุหลักเกิดจากการสร้างเม็ดสี เมลานิน ที่มากเกินไป หรือการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิว เมื่อผิวฟื้นฟูได้ไม่สมบูรณ์ก็จะเกิดเป็นรอยสิวที่คงอยู่ได้นาน ปัจจุบันการใช้ เลเซอร์รอยสิว จึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญ เพราะสามารถยิงพลังงานเลเซอร์ลงไปยังชั้นผิวที่มีเม็ดสีหรือรอยอักเสบโดยตรง ทำให้เซลล์เม็ดสีแตกกระจาย ลดการมองเห็นของรอยดำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิวใหม่ การทำเลเซอร์อย่างต่อเนื่องยังช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสเกิดรอยสิวซ้ำ และช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอมากขึ้น ดังนั้น ก่อนตัดสินใจรักษา ควรเข้าใจธรรมชาติของรอยสิว เพื่อเลือกวิธี ลดรอยสิว ที่ตรงกับปัญหามากที่สุด และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ปลอดภัยในระยะยาว

รอยสิว คืออะไร?

รอยสิว เกิดขึ้นหลังจากผิวผ่านกระบวนการอักเสบของสิวและทิ้งร่องรอยไว้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดหลักๆ ที่หลายคนเจอบ่อย

  • รอยดำจากสิว เกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไปหลังสิวอักเสบ ทำให้ผิวทิ้งจุดด่างดำ สีเข้มกว่าผิวปกติ
  • รอยแดง มักเกิดหลังสิวอักเสบหายแล้ว แต่เส้นเลือดฝอยใต้ผิวยังขยายตัวอยู่ ทำให้ผิวดูแดงหรืออมชมพู แม้ไม่มีการอักเสบแล้ว
  • หลุมสิว เป็นรอยสิวที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนในผิว ทำให้เกิดรอยบุ๋ม ไม่เรียบเนียน และมักรักษายากกว่ารอยแดงหรือรอยดำ

ปัจจุบันการใช้ เลเซอร์รอยสิว ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วย ลดรอยสิว ได้หลายรูปแบบในเวลาเดียวกัน ทั้งรอยดำ รอยแดง และหลุมสิว โดยกระตุ้นการฟื้นฟูผิวและสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม

สาเหตุของรอยสิว

รอยสิว เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งสัมพันธ์กับกระบวนการฟื้นฟูของผิวหลังการอักเสบ โดยปัจจัยหลักที่พบบ่อย ได้แก่

  • การอักเสบของสิว เมื่อผิวเกิดสิวอักเสบ เซลล์ผิวและคอลลาเจนรอบ ๆ ถูกทำลาย ส่งผลให้เกิด รอยดําจากสิว หรือหลุมสิวตามมาได้
  • เม็ดสีผิดปกติ (Post-inflammatory Hyperpigmentation: PIH) ร่างกายผลิตเมลานินมากเกินไปเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ ทำให้เกิดจุดด่างดำที่เข้มกว่าผิวปกติ
  • เส้นเลือดฝอยขยายตัว ในบางราย แม้สิวหายแล้วแต่เส้นเลือดยังขยายอยู่ จึงเกิดเป็นรอยแดงที่คงอยู่บนผิวหน้า
  • กระบวนการซ่อมแซมผิวบกพร่อง การฟื้นฟูไม่สมบูรณ์อาจทำให้เกิด หลุมสิว ซึ่งรักษายากกว่ารอยสิวทั่วไป

การเข้าใจสาเหตุของรอยสิวมีความสำคัญ เพราะช่วยเลือกวิธีการรักษาที่ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์เฉพาะทาง หรือหัตถการอย่างเลเซอร์ที่ช่วย ลดรอยสิว และฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้ดียิ่งขึ้น

ทำไมต้องเข้าใจรอยสิวก่อนทำเลเซอร์?

ก่อนตัดสินใจทำ เลเซอร์รอยสิว การเข้าใจลักษณะของ รอยสิว แต่ละชนิดเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะรอยดำ รอยแดง และหลุมสิว เกิดจากคนละกลไกของผิว การรักษาจึงไม่เหมือนกันทั้งหมด หากไม่ประเมินให้ชัดเจน อาจทำให้การรักษาไม่ตรงจุด และใช้เวลาในการ ลดรอยสิว นานกว่าที่ควร

  • รอยดําจากสิว (Post-inflammatory Hyperpigmentation: PIH) เกิดจากเม็ดสีเมลานินสะสมเกินปกติ ต้องใช้เลเซอร์ที่เจาะจงทำลายเม็ดสี เช่น Pico Laser หรือ Q-Switch
  • รอยแดงสิว มักมาจากเส้นเลือดฝอยที่ยังขยาย เลเซอร์หลอดเลือด เช่น V-Beam จะช่วยให้รอยแดงจางไวขึ้น
  • หลุมสิว เกิดจากการที่โครงสร้างคอลลาเจนถูกทำลาย เลเซอร์แบบ Fractional CO2 หรือ Sylfirm X Plus จะช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่

เมื่อเข้าใจต้นเหตุของรอยสิว การเลือกวิธีรักษาจะตรงเป้า เห็นผลไว และลดความเสี่ยงจากการทำหัตถการที่ไม่จำเป็น

เลเซอร์รอยสิว คืออะไร ?

เลเซอร์รอยสิว คือหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้พลังงานเลเซอร์ยิงลงไปที่ชั้นผิวเพื่อลดการสะสมของเม็ดสี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และซ่อมแซมโครงสร้างผิวใหม่ จุดประสงค์หลักคือช่วย ลดรอยสิว ไม่ว่าจะเป็น รอยดําจากสิว รอยแดง หรือแม้แต่ปัญหา หลุมสิว ที่ทำให้ผิวไม่เรียบ การทำงานของเลเซอร์ขึ้นอยู่กับชนิดเครื่อง เช่น เลเซอร์ที่เจาะจงทำลายเม็ดสีจะเหมาะกับรอยดำ ขณะที่เลเซอร์ที่โฟกัสเส้นเลือดฝอยจะช่วยให้รอยแดงจางลง ส่วนหลุมสิวต้องใช้เลเซอร์ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เลเซอร์รอยสิวจึงไม่ใช่วิธีเดียวสำหรับทุกคน แต่แพทย์จะเลือกชนิดที่เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด

กลไกการทำงานของ เลเซอร์รอยสิว

เลเซอร์รอยสิว มีหลักการทำงานโดยอาศัยพลังงานแสงเลเซอร์ที่ถูกตั้งค่าความยาวคลื่นเฉพาะ เพื่อจัดการกับปัญหาผิวแต่ละแบบได้อย่างตรงจุด

  • เล็งเป้าเม็ดสี พลังงานเลเซอร์ถูกดูดซับโดยเม็ดสีเมลานินที่เป็นต้นเหตุของ รอยดําจากสิว ทำให้เม็ดสีแตกตัวและถูกกำจัดออกตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย ส่งผลให้รอยสิวดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • กระตุ้นคอลลาเจน คลื่นเลเซอร์บางชนิดลงไปถึงชั้นหนังแท้ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวที่ไม่เรียบหรือ รอยสิว แบบหลุมค่อย ๆ ตื้นขึ้น
  • ลดรอยแดง เลเซอร์สามารถโฟกัสที่เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ซึ่งมักเป็นสาเหตุของรอยแดงหลังสิว พลังงานช่วยหดตัวเส้นเลือด ลดการอักเสบและความแดงของผิว

ดังนั้นการใช้เลเซอร์ไม่เพียงช่วย ลดรอยสิว แต่ยังฟื้นฟูโครงสร้างผิวในหลายมิติ เพื่อผลลัพธ์ที่ใส เรียบเนียนขึ้นอย่างชัดเจน

เลเซอร์รอยสิวมีกี่ชนิด? แต่ละแบบเหมาะกับใคร?

เลเซอร์รอยสิวปัจจุบันมีตัวเลือกเยอะมากครับ โดยแต่ละเครื่องออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ทั้งรอยดำ รอยแดง หลุมสิว ฝ้า กระ รูขุมขนกว้าง รวมไปจนถึงพวกปานดำ ปานแดง รอยสัก และรอยแตกลาย เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น หมอขอสรุปเลเซอร์รอยสิวยอดนิยมที่ใช้กันในคลินิก พร้อมแนะนำว่าแต่ละตัวเหมาะกับใครบ้าง ดังนี้ครับ

Pico Laser เลเซอร์สปีดสูง แตกเม็ดสีละเอียด ช่วยเคลียร์รอยดำไว

Pico Laser เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเลเซอร์รอยสิวที่มาแรงสุด ๆ เพราะใช้พลังงานความเร็วระดับ Picosecond (หนึ่งในล้านล้านวินาที) ยิงตรงเข้าสู่เม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้เม็ดสีแตกละเอียดกว่าระดับนาโน และถูกกำจัดออกไปตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย จึงช่วยลดรอยดำจากสิวได้ไวและเห็นผลชัดเจน

  • จุดเด่น
    • พลังงานเลเซอร์เร็วและแม่นยำ เคลียร์เม็ดสีที่เป็นต้นเหตุของรอยดําจากสิว
    • กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวดูตึง กระจ่างใสขึ้น
    • ลดรอยสิว รอยแดง รอยดำ พร้อมช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • ระยะฟักฟื้น
    • แทบไม่ต้องพักฟื้น หลังทำผิวอาจแดงเล็กน้อย 1–2 ชั่วโมง แล้วกลับสู่ปกติ
  • เหมาะกับ
    • คนที่กังวลรอยสิว รอยดําจากสิว จุดด่างดำ
    • ผู้ที่อยากได้ผิวใสขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • ทำกี่ครั้งเห็นผล
    • โดยทั่วไปเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก แต่เพื่อผลลัพธ์ชัด แนะนำ 3–5 ครั้งต่อเนื่อง

Sylfirm X Plus เลเซอร์ Dual Wave ดูแลทั้งรอยแดงและหลุมสิวในขั้นตอนเดียว

Sylfirm X Plus เป็นเลเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Dual Wave RF Microneedling ซึ่งรวมพลังงานคลื่นวิทยุเข้ากับเข็มเล็กพิเศษ ยิงตรงเข้าสู่ผิวในระดับที่แม่นยำมาก ๆ จุดเด่นคือสามารถจัดการได้ทั้ง รอยแดงจากสิว และ หลุมสิว ไปพร้อมกันในหนึ่งคอร์สการรักษา ถือว่าเป็นตัวเลือกที่มาแรงในกลุ่มเลเซอร์รอยสิว เพราะครอบคลุมหลายปัญหาพร้อมกัน

  • จุดเด่น
    • Dual Wave ช่วยลดรอยแดงและรอยสิวไปพร้อมกับกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
    • ช่วยลดรอยดําจากสิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูโกลว์ขึ้น
    • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเคลียร์ทั้งรอยสิวและฟื้นฟูผิวในเวลาเดียวกัน
  • ระยะฟักฟื้น
    • หลังทำอาจมีรอยแดงเล็กน้อย 1–2 วัน แต่โดยรวมไม่ต้องพักฟื้นยาว
  • เหมาะกับ
    • ผู้ที่มีรอยสิวผสมกันหลายแบบ ทั้งรอยแดง รอยดําจากสิว และหลุมสิว
    • คนที่อยากเห็นผลการลดรอยสิวแบบ Multi-tasking ในขั้นตอนเดียว
  • ทำกี่ครั้งเห็นผล
    • ส่วนใหญ่เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก แต่เพื่อผลลัพธ์ที่เสถียร แนะนำต่อเนื่อง 3–4 ครั้ง

Bellalux แสง LED ฟื้นฟูผิว เติมความชุ่มชื้น ลดสิวและฝ้าอย่างอ่อนโยน

Bellalux เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้ พลังงานแสง LED ในการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวแบบไม่รุนแรง ตัวนี้ถือว่าเป็นสาย gentle skin care therapy เลยก็ว่าได้ เพราะเน้นให้ผิวฟื้นตัวเองตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่อยาก ลดรอยสิว รอยดําจากสิว พร้อมเติมความชุ่มชื้น โดยไม่ต้องพักฟื้นยาว

  • จุดเด่น
    • ใช้คลื่นแสง LED ปรับสมดุลการทำงานของผิว ลดการอักเสบจากสิว
    • กระตุ้นคอลลาเจนอย่างอ่อนโยน ช่วยลดรอยสิวและรอยดําจากสิว
    • เสริมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูเด้งใส สุขภาพดีขึ้น
  • ระยะฟักฟื้น
    • ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ
  • เหมาะกับ
    • ผู้ที่มีสิวอักเสบ รอยแดงจากสิว และอยากลดรอยดําจากสิวไปพร้อมกัน
    • คนที่ผิวแพ้ง่าย แต่อยากได้เลเซอร์รอยสิวที่อ่อนโยน
  • ทำกี่ครั้งเห็นผล
    • ส่วนใหญ่เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 2–3 ครั้ง ผิวดูฟูขึ้น สิวสงบลง

Fotona SP Dynamis เลเซอร์ 2 หัว ปรับพลังงานตามสภาพผิว แก้ได้หลายปัญหา

Fotona SP Dynamis ถือเป็นเลเซอร์รอยสิวที่สายเทคโนโลยีจัดเต็ม เพราะใช้พลังงาน 2 หัวเลเซอร์ (Er:YAG + Nd:YAG) ที่สามารถปรับได้ตามสภาพผิวจริงของแต่ละคน เหมาะกับคนที่อยากเคลียร์หลายปัญหาในคอร์สเดียว ทั้งรอยสิว รอยดําจากสิว รูขุมขนกว้าง ไปจนถึงการยกกระชับ

  • จุดเด่น
    • ใช้ 2 หัวเลเซอร์ในเครื่องเดียว ครอบคลุมทั้งปัญหาเม็ดสีและคอลลาเจน
    • ช่วยลดรอยสิว รอยดําจากสิว พร้อมกระตุ้นการสร้างผิวใหม่
    • สามารถปรับพลังงานเฉพาะบุคคล ทำให้ผลลัพธ์แม่นยำ
  • ระยะฟักฟื้น
    • แดงเล็กน้อย 1–2 วัน แต่ไม่ถึงกับต้องหลบสังคม
  • เหมาะกับ
    • คนที่มีทั้งรอยสิวและหลุมสิวพร้อมกัน
    • ผู้ที่ต้องการลดรอยดําจากสิว ควบคู่กับผิวกระชับและเรียบเนียน
  • ทำกี่ครั้งเห็นผล
    • ส่วนใหญ่เริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก แต่แนะนำต่อเนื่อง 3–5 ครั้ง เพื่อผลชัดเจน

Fractional CO2 กระตุ้นการผลัดเซลล์และสร้างผิวใหม่ ลดหลุมสิวให้ตื้นขึ้น

Fractional CO2 เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้หลักการยิงลำแสงลงไปลึกถึงชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้น การผลัดเซลล์ผิวเก่าและการสร้างคอลลาเจนใหม่ เหมาะกับคนที่มีหลุมสิวชัด ๆ หรือรอยสิวฝังลึกที่ครีมหรือทรีตเมนต์ทั่วไปเอาไม่อยู่

  • จุดเด่น
    • พลังงานเลเซอร์ทำงานแบบ “fractional” คือยิงเป็นจุดเล็ก ๆ หลายพันรู ทำให้ผิวสร้างตัวเองใหม่
    • ลดรอยสิวและทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
    • ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนขึ้น ลดรอยดําจากสิวได้พร้อมกัน
  • ระยะฟักฟื้น
    • ประมาณ 5–7 วันแรก อาจมีรอยแดงและสะเก็ดเล็ก ๆ แต่หลังจากนั้นผิวจะฟื้นและเรียบขึ้นเรื่อย ๆ
  • เหมาะกับ
    • คนที่มีหลุมสิวระดับกลางถึงลึก
    • ผู้ที่ต้องการลดรอยสิวเก่า พร้อมกระตุ้นผิวใหม่ให้แข็งแรง
  • ทำกี่ครั้งเห็นผล
    • เห็นการเปลี่ยนแปลงหลัง 1–2 ครั้ง แต่แนะนำทำต่อเนื่อง 3–5 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ชัดเจน

Q-Switch Laser จัดการเม็ดสีเฉพาะจุด ลดรอยดำจากสิวและจุดด่างดำ

Q-Switch Laser เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้พลังงานแสงสั้นมากระดับนาโนวินาที เล็งไปที่เม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้เม็ดสีแตกตัวจนถูกกำจัดออกโดยร่างกาย เหมาะกับคนที่มี รอยดําจากสิว จุดด่างดำ ที่อยากเคลียร์ผิวให้ใสขึ้น

  • จุดเด่น
    • ยิงเม็ดสีได้แบบแม่นยำ ไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง
    • ลดรอยสิว รอยดําจากสิว และจุดด่างดำจากแสงแดด
    • ใช้ได้แม้กับรอยสัก หรือปานบางชนิด
  • ระยะฟักฟื้น
    • ผิวอาจมีรอยแดงเล็กน้อย 1–2 วัน แล้วกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
  • เหมาะกับ
    • คนที่มีรอยสิวเป็นจุด ๆ หรือเม็ดสีผิดปกติเล็กน้อย
    • ผู้ที่อยากลดรอยสิวให้ชัดเจน โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • ทำกี่ครั้งเห็นผล
    • ส่วนใหญ่เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก
    • แนะนำ 3–5 ครั้งต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่เสถียรและผิวใสยาวนาน

V-Beam เน้นลดรอยแดงจากสิว และเส้นเลือดฝอย โดยไม่ทำร้ายผิว

V-Beam เป็นเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับรอยแดงโดยเฉพาะ หลักการคือใช้แสงความยาวคลื่น 595 nm ที่ดูดซับโดย oxyhemoglobin ในเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัว ทำให้เส้นเลือดเหล่านั้นหดเล็กลง และช่วยให้รอยแดงจากสิวหรือการอักเสบจางลงโดยไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อรอบข้าง คนไข้หลายคนบอกว่าหลังทำหน้าไม่ใช่แค่ใสขึ้น แต่ดูสุขภาพดีแบบผิวใสอมชมพู

  • จุดเด่น
    • เล็งเป้าที่รอยแดงสิวและเส้นเลือดฝอยได้ตรงจุด
    • ลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวหายเร็วขึ้น
    • ไม่ทำลายคอลลาเจนหรือผิวรอบข้าง
  • ระยะฟักฟื้น
    • หลังทำอาจมีรอยชมพูเล็กน้อย 1–2 วัน
    • ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ
  • เหมาะกับ
    • คนที่มีรอยสิวแบบรอยแดงเรื้อรัง
    • ผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า หรือภาวะ rosacea
  • ทำกี่ครั้งเห็นผล
    • เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก รอยแดงจางลง
    • แนะนำ 3–5 ครั้งต่อเนื่อง เพื่อให้รอยสิวและรอยดําจากสิวหายเร็วขึ้นและอยู่ได้นาน

Dual Yellow เลเซอร์ลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อสิว พร้อมช่วยลดรอยแดง

Dual Yellow เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานแสงสองช่วงคลื่น (532 nm และ 577 nm) ในการรักษาปัญหาผิว โดยคลื่นสีเหลืองช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อ Propionibacterium acnes ซึ่งเป็นตัวการหลักของสิว ส่วนคลื่นสีเขียวจะช่วยจัดการเม็ดสี ลดรอยดําจากสิว และทำให้รอยแดงสิวค่อย ๆ จางลง ผมมักแนะนำกับคนที่สิวยังขึ้นอยู่ แต่ก็อยากเริ่ม ลดรอยสิว ไปพร้อม ๆ กัน

  • จุดเด่น
    • ลดการอักเสบสิวพร้อมฆ่าเชื้อได้ตรงจุด
    • ลดรอยแดง รอยสิว และรอยดําจากสิวได้ในคราวเดียว
    • ช่วยให้ผิวดูใสขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ
  • ระยะฟักฟื้น
    • ไม่มีแผลหรือสะเก็ดหลังทำ
    • หน้าอาจชมพูเล็กน้อย 1–2 ชั่วโมง แล้วหายเอง
  • เหมาะกับ
    • คนที่ยังมีสิวอักเสบแต่ไม่อยากรอสิวหายก่อน
    • ผู้ที่มีรอยสิวหลายรูปแบบ ทั้งรอยแดงและรอยดํา
  • ทำกี่ครั้งเห็นผล
    • เห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก
    • แนะนำ 4–6 ครั้งต่อเนื่อง เพื่อผลชัดเจนและอยู่ได้นาน

เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใคร และไม่เหมาะกับใคร?

เลเซอร์รอยสิว ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายคนเลือกเมื่อต้องการ ลดรอยสิว ไม่ว่าจะเป็น รอยดําจากสิว รอยแดง หรือแม้แต่ หลุมสิว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ทันที การรู้ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มที่เหมาะสมหรือไม่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผลลัพธ์ตรงจุดและปลอดภัยจริงๆ โดยทั่วไป เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับคนที่สิวหายแล้วแต่ยังทิ้งรอยไว้ หรือมีปัญหาผิวหมองจากเม็ดสีผิดปกติ ขณะเดียวกันก็มีบางกลุ่มที่ควรเลี่ยง เช่น ผู้ที่ผิวติดเชื้อ แพ้ง่ายขั้นรุนแรง หรืออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ในหัวข้อถัดไป ผมจะพาแยกให้ชัดว่า ใครบ้างที่เหมาะกับเลเซอร์รอยสิว เช่น รอยเก่า รอยดํา รอยแดง หรือ หลุมสิวลึก–ตื้น และ ใครบ้างที่ควรเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดครับ

กลุ่มที่เหมาะสมในการทำเลเซอร์รอยสิว

เลเซอร์รอยสิว ถือเป็นตัวช่วยที่ตรงจุด สำหรับใครที่อยากเคลียร์ปัญหาผิวให้จบแบบเห็นผลจริง โดยกลุ่มที่เหมาะสมในการทำมีดังนี้ครับ

  • สิวเก่าแต่ทิ้งร่องรอยไว้ คนที่สิวหายแล้ว แต่ยังเหลือ รอยสิว หรือ รอยดําจากสิว บนผิว ทำให้หน้าหมอง ไม่สดใส
  • รอยดำจากเม็ดสีผิดปกติ เกิดจากเมลานินที่สร้างมากเกินไป เลเซอร์รอยสิวสามารถ ลดรอยสิว ได้เร็วกว่าใช้ครีมจางจุดด่างดำเพียงอย่างเดียว
  • รอยแดงสิว มักเกิดจากการอักเสบหรือเส้นเลือดฝอยขยาย เหมาะกับเลเซอร์ที่เล็งเป้าเฉพาะเส้นเลือด เช่น V-Beam หรือ Dual Yellow
  • หลุมสิวตื้นถึงลึก เคสนี้ต้องการเลเซอร์ที่กระตุ้นคอลลาเจน เช่น Fractional CO2 หรือ Sylfirm X Plus เพื่อปรับผิวเรียบเนียนขึ้น

ใครที่เข้าข่ายเหล่านี้ การทำเลเซอร์รอยสิวจะช่วยให้ผิวฟื้นไว ผิวใสดูมีชีวิตชีวาได้แบบที่สกินแคร์อย่างเดียวไม่พอครับ

กลุ่มที่ควรเลี่ยงในการทำเลเซอร์รอยสิว

แม้เลเซอร์รอยสิวจะช่วย ลดรอยสิว และ รอยดําจากสิว ได้ค่อนข้างชัด แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรเลี่ยงเพื่อความปลอดภัย เพราะการทำโดยไม่ประเมินให้ดี อาจทำให้ผิวหรือสุขภาพมีความเสี่ยงมากขึ้นครับ

  • ผิวที่กำลังติดเชื้อ หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราอยู่ การยิงเลเซอร์อาจทำให้การอักเสบลุกลามและรอยสิวหนักกว่าเดิม
  • คุณแม่ตั้งครรภ์ ช่วงนี้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเยอะ การทำเลเซอร์รอยสิวอาจกระตุ้นผิวให้ไวต่อการระคายเคือง ไม่แนะนำให้ทำจนกว่าจะพ้นช่วงตั้งครรภ์ครับ
  • ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือโรคด่างขาว ผิวอาจตอบสนองต่อเลเซอร์ไม่ปกติ ควรเลี่ยงเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด

ดังนั้น ก่อนคิดจะทำเลเซอร์รอยสิว ควรให้แพทย์ตรวจประเมินผิวอย่างละเอียด เพื่อเลือกวิธี ลดรอยสิว ที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดครับ

เลเซอร์รอยสิวปลอดภัยไหม ?

เลเซอร์รอยสิว ถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์ และใช้เครื่องมาตรฐานที่ผ่านการรับรอง ซึ่งเทคโนโลยีเลเซอร์ในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก สามารถเล็งเป้ารอยสิวได้แบบแม่นยำทั้ง รอยดําจากสิว หรือ รอยแดง โดยไม่ทำลายผิวรอบข้าง ทำให้ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ความเสี่ยงที่เจอได้ เช่น ผิวแห้ง แดงเล็กน้อย หรือมีสะเก็ดบาง ๆ แต่โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน และสามารถฟื้นตัวได้เร็วเมื่อดูแลผิวตามคำแนะนำของแพทย์ พูดง่ายๆ คือ เลเซอร์รอยสิวไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่การเลือกคลินิกและทีมแพทย์สำคัญสุด เพราะถ้าเลือกถูกที่ ผลลัพธ์ ลดรอยสิว และทำให้ผิวกลับมาใสได้แบบชิล ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยครับ

ข้อดีในการเลเซอร์รอยสิว

เลเซอร์รอยสิว เป็นวิธีที่หลายคนเลือก เพราะช่วย ลดรอยสิว ได้แบบค่อนข้างไว และตรงจุดกว่าวิธีทั่วไป การทำงานของเลเซอร์คือเล็งไปที่เม็ดสีและเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติ พร้อมกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเรียบและดูสดใสขึ้น

ข้อดีที่เห็นชัด

  • เห็นผลเร็ว รอยดำจากสิว และรอยแดงจางลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก ๆ
  • ฟื้นฟูคอลลาเจน พลังงานเลเซอร์ช่วยกระตุ้นผิวชั้นลึก ให้ผิวดูแน่น กระชับขึ้น
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน ส่วนใหญ่ผิวอาจมีรอยแดงเล็กน้อย แต่หายไวภายใน 1–2 วัน
  • เคลียร์ได้หลายปัญหาในคราวเดียว ทั้ง รอยดําจากสิว รอยแดง และหลุมสิวตื้น ๆ

เรียกได้ว่าเลเซอร์รอยสิวคือการรีเฟรชสกิน แบบที่คนเจน Z ชอบ เพราะได้ผลไว ไม่กระทบไลฟ์สไตล์ และช่วยคืนความมั่นใจให้ผิวดูใสแบบต่อเนื่องครับ

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของการเลเซอร์รอยสิว

การทำเลเซอร์รอยสิว ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีบางจุดที่ควรรู้ไว้ก่อน เพื่อเตรียมตัวและดูแลผิวให้ถูกวิธีหลังทำครับ

สิ่งที่ควรระวังและผลข้างเคียงที่เจอได้บ่อย

  • ผิวแดงชั่วคราว หลังทำเลเซอร์รอยสิว ผิวอาจมีอาการแดงคล้ายถูกแดด แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 1–3 วัน
  • ผิวลอกหรือแห้งเล็กน้อย โดยเฉพาะคนที่รักษารอยดําจากสิวหรือหลุมสิว ผิวจะมีการผลัดเซลล์ออกมา
  • ต้องกันแดดเข้มข้น การไม่ปกป้องผิวอาจทำให้รอยสิวกลับเข้มขึ้น หรือเกิดรอยใหม่ได้ง่าย
  • งดใช้สกินแคร์ที่ระคายเคืองผิว เช่น กรดผลไม้ หรือสครับ เพราะอาจทำให้ผิวอักเสบมากกว่าเดิม

ใครที่อยาก ลดรอยสิว ด้วยเลเซอร์ ก็ควรเตรียมตัวดูแลผิวหลังทำให้ดี เพื่อผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัยในระยะยาวครับ

เลเซอร์รอยสิว ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?

หลายคนที่เจอปัญหา รอยสิว มักสงสัยว่า เลเซอร์รอยสิว กี่ครั้งหาย จริง ๆ แล้วคำตอบไม่ได้ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับชนิดของรอย เช่น รอยดําจากสิว อาจเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก แต่ถ้าเป็น รอยแดง หรือ หลุมสิว มักต้องใช้การรักษาต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวฟื้นฟู โดยทั่วไป การทำ เลเซอร์รอยสิว จะอยู่ที่ประมาณ 3–5 ครั้งขึ้นไป แต่ละครั้งควรเว้นระยะ 3–6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวและสร้างเซลล์ใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้คือการ ลดรอยสิว ให้จางลง ผิวเรียบขึ้น และสีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เลเซอร์ไม่ได้ใช่ครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นการดูแลผิวระยะยาว ที่จะเห็นความต่างชัดขึ้นเรื่อยๆ ครับ

ผลลัพธ์หลังทำ 1–2 ครั้ง

หลังจากทำ เลเซอร์รอยสิว ประมาณ 1–2 ครั้ง สิ่งที่หลายคนสังเกตได้คือ รอยสิว เริ่มจางลงเล็กน้อย โดยเฉพาะพวกรอยแดงและ รอยดําจากสิว ที่ผิวจะดูใสขึ้นนิด ๆ เหมือนกดปุ่ม soft filter ให้ผิวดูสม่ำเสมอขึ้น แม้ผลลัพธ์ยังไม่ชัดเจนแบบว้าว แต่ถือว่าเป็นสัญญาณแรกว่าเลเซอร์เริ่มทำงานแล้ว

  • รอยสิวตื้นๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ไวกว่า เพราะเม็ดสีเริ่มแตกตัวและถูกกำจัดออก
  • รอยดําจากสิว จางลงทีละ step แต่ยังไม่หายสนิท
  • รอยแดง เส้นเลือดฝอยที่ขยายเริ่มสงบลงเล็กน้อย

ใครที่อยาก ลดรอยสิว ต้องเข้าใจว่าการทำเพียง 1–2 ครั้ง เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการ รักษารอยสิว ครับ ถ้าอยากได้ผลชัดเจนแบบ long-term ควรทำต่อเนื่องตามคำแนะนำแพทย์ จะเห็นผิวดีขึ้นแบบมั่นใจได้มากกว่า

ผลลัพธ์หลังทำ 3–5 ครั้ง

เมื่อทำ เลเซอร์รอยสิว ต่อเนื่อง 3–5 ครั้ง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ รอยสิว ที่ค่อย ๆ จาง แต่ยังช่วยให้ผิวโดยรวมดู smooth และเฟิร์มขึ้น เพราะเลเซอร์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว

  • รอยดําจากสิว จางลงแบบเห็นได้ชัด ผิวดูโทนสม่ำเสมอขึ้น
  • รอยแดงจากสิว ลดลงเยอะ เส้นเลือดฝอยที่เคยขยายเริ่มกลับมาปกติ
  • ริ้วรอยเล็กๆ ดูตื้นลง ผิวฟูขึ้นจากการกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
  • การฟื้นฟูผิว ผิวหน้าใสดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ไม่หมองเหมือนก่อน

ผลลัพธ์ต่อเนื่อง 6–8 ครั้ง

เมื่อทำ เลเซอร์รอยสิว ต่อเนื่องถึง 6–8 ครั้ง ผิวจะเริ่มเปลี่ยนแปลงจนเห็นชัดแบบ next level ไม่ใช่แค่ รอยสิว หรือ รอยดําจากสิว ที่จางลง แต่พื้นผิวโดยรวมดูเรียบเนียนขึ้น ความมันส่วนเกินลดลง และผิวดูโทนสม่ำเสมอมากขึ้น

  • รอยสิวลดลง รอยดําและรอยแดงค่อย ๆ หายไปเกือบหมด
  • ผิวเนียนละเอียด หลุมสิวบางจุดตื้นขึ้น ผิวเรียบขึ้น
  • ลดรอยสิวถาวร ผลลัพธ์คงตัวมากขึ้น ไม่กลับมาหมองง่าย
  • ผิวใสโกลว์แบบธรรมชาติ ดู healthy เหมือนใส filter ตลอดเวลา

เลเซอร์รอยสิว ทําได้บ่อยแค่ไหน ?

หลายคนที่เริ่มสนใจ เลเซอร์รอยสิว มักจะถามกันเยอะว่า ทำได้ถี่แค่ไหนถึงจะปลอดภัย โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะแนะนำให้เว้นช่วงประมาณ 3–4 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผิวฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เต็มประสิทธิภาพ ถ้าทำถี่เกินไป ผิวอาจเกิดการระคายเคือง แห้ง หรือลอกง่ายขึ้น แต่หากทำตามคำแนะนำ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดขึ้น รอยสิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รอยดำจากสิว หรือรอยแดง จะค่อย ๆ ลดลง ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งสำคัญคือ ต้องให้แพทย์ประเมินผิวแต่ละคนก่อนเสมอ เพราะความถี่ของการทำเลเซอร์อาจไม่เหมือนกัน เพื่อให้การ ลดรอยสิว และการ รักษารอยสิว เห็นผลปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุดครับ

รีวิวผลลัพธ์เลเซอร์รอยสิว

รีวิว pico laser

การเตรียมตัวและการดูแลในการทำเลเซอร์รอยสิว

การทำ เลเซอร์รอยสิว ให้เห็นผลแบบปัง ๆ ไม่ได้อยู่ที่เครื่องมืออย่างเดียว แต่เรื่องการเตรียมตัวและการดูแลก็สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผิวตอบสนองต่อพลังงานเลเซอร์ได้เต็มที่ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ทำให้การ ลดรอยสิว และการ รักษารอยสิว มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ก่อนเข้ารับการรักษา หมอมักจะแนะนำให้เว้นกิจกรรมที่กระตุ้นผิว รวมถึงแจ้งประวัติสุขภาพหรือยาที่ใช้อยู่ ส่วนหลังทำก็ต้องมีวินัยเรื่องการปกป้องผิว โดยเฉพาะการทาครีมกันแดดและใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม เดี๋ยวหมอจะเล่าให้ฟังแบบ step by step ว่าแต่ละช่วงควรโฟกัสอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ก่อนทำเลเซอร์รอยสิว หรือ หลังทำเลเซอร์รอยสิว เพื่อให้ผิวแข็งแรงและฟื้นตัวเร็วที่สุดครับ

ก่อนทำเลเซอร์รอยสิว

ก่อนเข้ารับการทำ เลเซอร์รอยสิว การเตรียมผิวให้พร้อมถือว่าเป็น key point ที่ช่วยให้การรักษาเห็นผลไวขึ้นและลดความเสี่ยงผลข้างเคียงครับ

  • งดแดดจัด ผิวที่ไหม้แดดหรือเพิ่งออกแดดแรง ๆ จะมีการอักเสบแฝงอยู่ ทำให้เลเซอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพและอาจเพิ่มโอกาสเกิดรอยดําจากสิวซ้ำ ๆ ได้
  • งดสครับหรือผลัดเซลล์ผิวแรงๆ เพราะผิวที่บางลงจากการสครับอาจทำให้เลเซอร์ซึมลึกเกินไป เกิดการระคายเคืองหรือรอยแดงมากกว่าปกติ
  • แจ้งประวัติการใช้ยาและโรคประจำตัว เช่น ยากลุ่ม isotretinoin, ยาลดการแข็งตัวของเลือด หรือภาวะที่เกี่ยวข้องกับการหายของแผล หมอจะได้ปรับแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

หลังทำเลเซอร์รอยสิว

หลังทำ เลเซอร์รอยสิว การดูแลผิวถือว่าสำคัญพอ ๆ กับขั้นตอนการรักษาเลยครับ เพราะช่วงนี้ผิวจะอยู่ในภาวะ sensitive มากกว่าปกติ หากดูแลถูกวิธี ผลลัพธ์การ ลดรอยสิว จะชัดเจนและผิวฟื้นตัวไวขึ้น

  • ทาครีมกันแดดทุกวัน ผิวที่ผ่านเลเซอร์จะไวต่อแสง UV ง่ายขึ้น ถ้าไม่ป้องกัน อาจเกิด รอยดําจากสิว ซ้ำได้ ควรใช้กันแดดที่ค่า SPF 30+ และเลือกสูตรอ่อนโยน
  • งดซาวน่า อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนัก ๆ เพราะความร้อนและเหงื่ออาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือติดเชื้อได้
  • ใช้สกินแคร์เน้นฟื้นฟูผิว เลือกมอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรั่มที่ช่วยเพิ่ม hydration และลดการอักเสบ เพื่อเร่งกระบวนการ รักษารอยสิว ให้ smooth กว่าเดิม
  • เลี่ยงการแกะหรือเกา เพราะผิวกำลังสร้างเซลล์ใหม่ ถ้าไปรบกวนอาจทำให้เกิดแผลหรือทิ้งรอยใหม่แทนที่

เลเซอร์รอยสิว ราคาเท่าไหร่?

เลเซอร์รอยสิว เป็นหนึ่งในหัตถการที่ช่วยจัดการปัญหารอยดำ รอยหลุม และรูขุมขนกว้างได้ค่อนข้างตรงจุดครับ ปัจจุบันราคามีให้เลือกหลากหลายแพ็กเกจ เริ่มตั้งแต่ครั้งแรกประมาณ 1,690 บาท ไปจนถึงแพ็กเกจหลายครั้งที่ช่วยให้คุ้มค่าในระยะยาว เช่น 5 ครั้ง ราคา 8,200 บาท หรือ 10 ครั้ง ราคา 16,000 บาท สำหรับใครที่อยากลองก่อน ยังมีโปรทดลองครั้งแรกเพียง 999 บาทเท่านั้น ส่วนสูตรพิเศษอย่าง Pico Acne Clear Duo เริ่มต้นที่ 3,800 บาท โดยมีตัวเลือกแพ็กเกจยาวที่ประหยัดมากขึ้น เรียกว่าเป็นการลงทุนกับผิวที่เห็นผลและคุ้มค่ากับคนรุ่นใหม่จริงๆครับ

Pico Laser ราคา

ทำเลเซอร์รอยสิว ที่ไหนดี ?

เวลาเลือกสถานที่ทำ เลเซอร์รอยสิว หลายคนอาจงงเพราะคลินิกก็มีเยอะ เครื่องมือก็หลากหลาย แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเน้น “ความปลอดภัย + ความเหมาะสมกับสภาพผิว” ก่อนเป็นอันดับแรกครับ เพราะผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจะ ลดรอยสิว หรือจัดการ รอยดําจากสิว ให้เห็นผล ต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยีและประสบการณ์ของแพทย์ไปพร้อมกัน

สิ่งที่ควรเช็กก่อนตัดสินใจ

  • ทีมแพทย์ผิวหนัง ต้องมีประสบการณ์จริง เคสหลากหลาย เพราะการ รักษารอยสิว ไม่ใช่แค่ยิงเลเซอร์แล้วจบ แต่ต้องวิเคราะห์ปัญหาแบบเฉพาะบุคคล
  • เครื่องเลเซอร์มาตรฐาน ผ่านการรับรองทั้งในไทยและต่างประเทศ เลือกชนิดที่ตรงกับปัญหาผิวจริง ๆ เช่น เลเซอร์ลดรอยแดง, เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน หรือเลเซอร์แก้หลุมสิว
  • การดูแลหลังทำ คลินิกที่ดีจะมี follow up และให้คำแนะนำเฉพาะราย เพื่อผลลัพธ์ที่คงทน

พูดง่ายๆ คือ การเลือกที่ทำเลเซอร์ไม่ใช่ดูแค่ราคา แต่ควรเลือกจากความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และประสบการณ์แพทย์ เพื่อผลลัพธ์การ ลดรอยสิว ที่คุ้มค่าที่สุดครับ

ทำไมต้องเลเซอร์รอยสิวที่ TBL Clinic

การทำ เลเซอร์รอยสิว ไม่ใช่เรื่องของเครื่องไหนก็ได้ แต่ต้องเลือกคลินิกที่จริงจังกับคุณภาพและความปลอดภัย TBL Clinic ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนแนะนำ เพราะที่นี่เลือกใช้เครื่องนำเข้าจากเกาหลีแท้ ๆ อย่าง Pico K ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและความละเอียดในการแตกเม็ดสี จัดการทั้ง รอยสิว, รอยดําจากสิว, รวมถึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวไปพร้อมกัน อีกหนึ่งจุดเด่นคือการมี รีวิวผู้ใช้จริง แบบ before-after ให้เห็นกันชัด ๆ ไม่ต้องเดาเอาว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง รวมถึงราคาที่เรียกว่าคุ้มค่า เพราะได้มาตรฐานระดับพรีเมียม แต่ไม่ทำให้กระเป๋าสตางค์ร้องไห้

เลือกทำ เลเซอร์รอยสิว ที่นี่ จึงไม่ใช่แค่การ ลดรอยสิว แต่เป็นการลงทุนกับการ รักษารอยสิว อย่างมั่นใจ ด้วยทีมแพทย์ที่ใส่ใจและเครื่องเลเซอร์ที่ตรงปัญหาจริงๆ ใครที่อยากอัปสกิลผิวให้ไบรท์แบบเห็นผล TBL Clinic คือคำตอบครับ

เลเซอร์รอยสิวไม่ใช่เรื่องไกลตัว แค่คุณกล้าก้าวแรกมาคุยกับหมอ ผิวที่เคยเต็มไปด้วยรอยสิว ก็กลับมาเรียบใสขึ้นได้ง่ายๆ นัดหมายผ่าน Line Official หรือ Inbox Facebook วันนี้ครับ

FAQ คำถามที่พบบ่อยในการทำ เลเซอร์รอยสิว

  • เลเซอร์รอยสิว กี่วันเห็นผล?
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและชนิดเลเซอร์ที่ใช้ ส่วนใหญ่หลังทำ 1–2 ครั้ง จะเห็นว่า รอยสิว และ รอยดําจากสิว จางลงเล็กน้อย แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์ชัดเจน แนะนำทำต่อเนื่อง 3–5 ครั้ง ผิวจะดูเรียบใสขึ้น
  • เลเซอร์รอยสิว เจ็บไหม?
    โดยทั่วไปจะรู้สึกเป็นความร้อนเล็กน้อยหรือเหมือนหนังยางดีด บางเครื่องมีการใช้ยาชาช่วย เพื่อลดความรู้สึกไม่สบาย
  • เลเซอร์รอยสิว รักษาหลุมสิวได้จริงไหม?
    บางชนิด เช่น Fractional CO2 หรือ Sylfirm X Plus สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ หลุมสิว ค่อยๆ ตื้นขึ้นและผิวเรียบขึ้นจริง แต่ต้องทำหลายครั้ง
  • หลังทำเลเซอร์รอยสิว หน้าแห้งหรือลอกไหม?
    อาจมีอาการผิวแห้งหรือลอกเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ เพราะผิวกำลังผลัดเซลล์ใหม่ ควรบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์และทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  • เลเซอร์รอยสิวทำให้หน้าบางหรือไม่?
    ไม่ทำให้หน้าบางครับ จริง ๆ แล้วเลเซอร์หลายชนิดช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ด้วยซ้ำ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม

สรุปทำไมเลเซอร์รอยสิวถึงคุ้มค่า และเห็นผลไว

เลเซอร์รอยสิวถือว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วย ลดรอยสิว และ รอยดําจากสิว ได้อย่างแม่นยำ เพราะทำงานตรงเป้า ไม่ต้องรอนานเหมือนการใช้สกินแคร์เพียงอย่างเดียว จุดแข็งคือช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ทั้งรอยดำ รอยแดง และแม้กระทั่งรอยหลุมสิว ค่อย ๆ ดีขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ เลเซอร์รอยสิวยังตอบโจทย์คนยุคนี้ที่ต้องการความเร็วและผลลัพธ์ชัดเจน เพราะหลังทำไม่กี่ครั้งก็เห็นความเปลี่ยนแปลงได้จริง ที่สำคัญคือผิวไม่ได้บางลง แต่กลับแข็งแรงขึ้นด้วยการฟื้นฟูจากภายใน ทำให้การ รักษารอยสิว ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาชั่วคราว แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพผิวในระยะยาว เหมาะสำหรับคนที่อยากมีผิวใสเรียบเนียนแบบมี confidence boost แบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์ทุกวันครับ


ถ้าคุณยังลังเลว่าการทำ เลเซอร์รอยสิว เหมาะกับปัญหาผิวของคุณหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ รอยแดง หลุมสิว หรือผิวที่ดูไม่เรียบเนียน ทีมแพทย์ของ TBL Clinic พร้อมให้คำปรึกษาฟรีแบบตรงไปตรงมาครับ หมอจะช่วยประเมินสภาพผิวจริง ว่าควรใช้เลเซอร์ชนิดใด พลังงานในระดับไหน และต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลที่ชัดเจนและปลอดภัย ที่สำคัญคุณหมอจะเป็นคนตอบเองโดยตรง เพื่อให้คุณมั่นใจก่อนตัดสินใจ และถ้าอยากรู้ว่าผิวของคุณเหมาะกับการทำเลเซอร์รอยสิวแบบไหน สามารถทักมาพูดคุยได้ทั้ง Line Official หรือ Inbox Facebook ของ TBL Clinic ได้เลยครับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : 095-291-6565

Facebook : TBL Clinic-ทู บีเลิฟ คลินิก

e-mail : [email protected]

LINE : @tblclinic